สูทตัวไหนที่เราใส่แล้วมั่นใจและแฮปปี้...นั่นคือสูทที่ดีที่สุดสำหรับเรา
เพราะเราเชื่ออย่างหนึ่งว่านอกจากสุขภาพดีและการดูดีจากการดูแลตัวเองแล้ว การแต่งตัวที่ดีก็ยิ่งทำให้เราออกไปใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมั่นใจกว่าเดิม แล้วถ้างั้นการแต่งตัวที่ดีคืออะไร ใครจะบอกได้ว่าการใส่เสื้อผ้าแบบไหนที่เรียกว่าดี ที่ควรจะทำให้เรามั่นใจ วันนี้เรามาคุยกับผู้ชายที่คลุกคลีกับการสร้างสรรค์เสื้อผ้าแบบที่เราเรียกกันว่า Bespoke มายาวนาน คุณวิน ปวิณ ผลิตเดชตระกูล แห่งร้านตัดสูทสุดคลาสสิค Pinky Tailor และ Pawin ที่ครั้งนี้ เขามาครีเอทลุคแห่งความมั่นใจ ให้กับ Health Addict และสองหนุ่มสาวตัวแทนแห่งความสมบูรณ์แบบแห่งยุค ชิปปี้ ศิรินทร์ ปรีดียานนท์ และ อองตวน ปินโต
Bespoke VS Ready-to wear
“เรื่องของการใส่เสื้อผ้าแบบ Tailor-made วินว่ามันอยู่ที่แต่ละบุคคล คนที่เขาใส่เสื้อผ้าแบบ off- the-rack ได้ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมาใส่แบบ Be spoke ที่ต้องวัดตัว วัดตัวเสร็จ ต้องมาลองตัว เสร็จแล้วมาเลือกซับใน เลือกกระดุม ต้องมีส่วนร่วมด้วยกันในการผลิตชิ้นงานนึงขึ้นมา แล้วชิ้นงานนี้มันจะเข้ากับทุกสัดส่วนของคุณ ประกอบกับดีไซน์ที่ได้ตามความต้องการทุกอย่าง คือนอกจากความพอดีของรูปร่างแล้ว ยังเป็นเรื่องของความรู้สึกด้วยว่า เราจะได้เสื้อผ้าในแบบเฉพาะตัวของเราทุกรายละเอียด เช่น เราอยากให้สูทตัวหนึ่งมันเบามากๆ เพื่อความสบายตัวที่สุด ซึ่งในห้างอาจจะไม่มีแบบนั้น แต่ Bespoke เราทำสเปคนั้นขึ้นมาได้ ด้วยการเลือกผ้า เลือกซับใน เลือกวัสดุที่เบา เราก็จะได้สูทที่น้ำหนักเบา ใส่สบาย”
การสร้างความมั่นใจ กับการใส่เสื้อผ้าแบบ Bespoke
“เวลาที่คนๆ นึงเดินเข้าร้านตัดสูท อยากแรกคือเราได้มาสัมผัสผ้า เวลาสัมผัสเราจะรู้แล้วว่า เราอยากใส่ผ้าอันไหน ผ้าแบบไหนสัมผัสแล้วชอบ สองคือเราจะได้เลือกสีผ้าที่เราชอบ หรือบางคนจะดูว่าเราถูกโฉลกกับสีอะไร มีลูกค้าคนนึงเป็นมหาเศรษฐีจากบรูไนมาบอกว่า อะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว ผมเอาหมดเลย นั่นแปลว่าเขารู้สึกมั่นใจในสีเขียว หรืออย่างเวลาวินเลือกผ้าตัดชุดของตัวเอง วินจะเลือกสีกรม เพราะวินมั่นใจในการใส่สีกรม หรืออย่างบางคนจะเลือกสีที่ถูกโฉลก เป็นการเสริมความมั่นใจอย่างหนึ่งเหมือนกัน อีกอย่างคือเรื่องฟิตติ้ง สมมุติเราผอมมาก แต่ใส่เสื้อผ้าแล้วทำให้เราดูตัวใหญ่ขึ้น หรือเราตัวใหญ่แต่ใส่แล้วดูสลิมขึ้น หรือเราตัวเตี้ยแต่ใส่แล้วดูสูงขึ้น หรือตัวสูงเกินไปใส่แล้วไม่ทำให้เราดูตัวใหญ่ไป นี่แหละครับคือการแต่งตัวเพื่อสร้างความมั่นใจ ”
“การทำเสื้อผ้าเพื่อให้คนใส่แล้วเพิ่มความมั่นใจ เราจะแบ่งตามโอกาสและช่วงเวลาที่ใส่ อย่างเซ็ทนี้ เรามาดูกันว่า ในหนึ่งวัน ตั้งแต่เช้าถึงค่ำเราควรจะมีลุคที่ไล่ตั้งแต่ Casual Semi-formal ไปจนถึงลุค Formal และก็เลือกเนื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศของเมืองไทยคือความเป็นซัมเมอร์ จึงใช้ผ้าจะเป็นคอตตอน ลินิน และวูลที่มีเนื้อผสมลินิน”
ลุคซาฟารีที่จั๊มพ์สูทออกแนวสปอร์ตี้นิดๆ สามารถ ใส่ได้หลายแบบแค่ถอดช่วงบนทิ้งลงมา แมทช์กับสปอร์ตบราด้านใน ก็ได้ลุคเท่ๆ แบบนักกีฬา และใครว่าชุดสไตล์ซาฟารีจะต้องดูหนาและแข็ง คุณวินบอกว่า “ผมเลือกใช้ผ้าเป็นคอตตอนผสมลินิน ที่ถ้ายิ่งใส่จะยิ่งนุ่มขึ้น”
ลุคทำงานสไตล์ Semi-formal นี้ คุณวินบอกว่า “เราอยากเปลี่ยนลุคแข็งแกร่งแบบนักกีฬาของอองตวนให้ดูซอฟท์ขึ้น ด้วยการทำเบลเซอร์ที่ใช้ผ้าโทนสีอ่อน texture ที่ดูซอฟท์เบาสบาย”
“ผมว่าความมั่นใจกับการแต่งตัว มันอยู่ที่แอคทิวิตี้ที่เราจะไปทำ ในวันที่ผมจะต้องออกไปทำงาน ผมชอบจะแต่งตัวเต็มแต่งตัวเรียบร้อย ใส่สูท มันเป็นลุคทำให้ผมรู้สึกมั่นใจ ดูสมาร์ท ดูหล่อ” อองตวน อธิบาย
"คนส่วนมากเมื่อจะแต่งลุคฟอร์มัลไปงานเลี้ยง มักจะเลือกใส่สีดำ แต่ความจริงแล้วลุคสีขาวฟอร์มัล จะช่วยเบรคให้ดูอ่อนโยนขึ้น สีขาวจะช่วยให้ดูเด่นกว่าคนอื่นอีกด้วย" คุณวินแนะนำ
สีน้ำตาลเป็นสีที่คนไทยไม่นิยม ซึ่งความจริงแล้วคนบางคนเหมาะกับสีน้ำตาล “เราจึงขอฉีกกฏความเชื่อบางอย่าง ลองใช้สีที่ไม่ค่อยได้ใช้ เช่น สีน้ำตาล และการใส่เสื้อกั๊ก หลายคนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเสื้อกั๊กเหมาะกับคนหุ่นดี และใส่แทนสูทก็ดูฟอร์มัลขึ้นมาได้ แถมยังคล่องตัวกว่า เป็นการโชว์หุ่นที่เหมาะสำหรับคนหุ่นดี”
“สิ่งที่ทำให้ชิปมั่นใจคือการใส่กางเกง เพราะเวลาใส่กระโปรงชิปจะรู้สึกอึดอัดเพราะไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่เวลาใส่กางเกงจะรู้สึกชิล รู้สึกเป็นตัวตนของเรา เวลาทำอะไรก็มั่นใจ” ชิปปี้ อธิบาย
เลือกผ้าแบบไหนให้เหมาะ
คอตตอน / ลินิน / วูล / ซิลค์ / โพลีเอสเตอร์ คือผ้า 5 ชนิดที่คุณวินบอกว่า เหมาะกับอากาศเมืองไทยที่สุดแล้ว ที่เหลือก็แค่มาดูว่า เราต้องการๆ ใช้งานแบบไหน “บางทีลูกค้ามาบอกว่าเขาแพ้ผ้าวูล หรือฝรั่งหลายคนมาบอกว่าเขาแพ้ผ้าโพลีเอสเตอร์ คนที่มีปัญหาแพ้หนักๆ เขาจะไปเทสต์มาว่าเขาแพ้อะไร ทีนี้หน้าที่ของเราคือ เราต้องบอกลูกค้าตามตรงว่าผ้าแต่ละชนิดคืออะไร บางทีผ้าเขียนว่าวูล 50% แต่ความเป็นจริงคือแค่คอตตอนโพลีเอสเตอร์ก็ได้ หรือการที่คนเราแพ้ผ้าวูล อาจจะไม่ใช่แพ้วูลทั้งหมด วูลบางผืนมันละเอียดยิ่งกว่าคอตตอนหรือลินิน ก็อาจจะไม่แพ้ หรือผ้าโพลีเอสเตอร์มันคือเคมี คนเราไม่ได้แพ้ผ้า แต่แพ้เคมีที่อยู่บนผ้า ที่ผ่านการทรีทเม้นต์ แต่ส่วนมากผ้าของเราจะไม่มีการทรีทเม้นต์”
ถ้ามีปัญหาภูมิแพ้ ลองเทคนิคเลือกผ้าตามนี้
- ถ้าคุณเป็นคนแพ้เหงื่อ อย่าเลือกผ้าที่หนา ให้เลือกผ้าที่เบา บาง โปร่ง อากาศถ่ายเท อย่างผ้าคอตตอน หรือผ้าลินิน หรือถ้าเป็นเชิ้ต ให้เลือกผ้าที่ไม่ผสมโพลีเอสเตอร์ เพราะเป็นผ้าที่ทำให้อากาศไม่ผ่านไม่ถ่ายเท ทำให้เหงื่อออกง่าย
- ถ้ามีปัญหาภูมิแพ้ฝุ่น คนกลุ่มนี้มักจะแพ้ผ้าที่มีขน มีใยผ้าเยอะ อย่างผ้าวูล ดังนั้นให้เลือกใช้ผ้าคอตตอน หรือผ้าลินินก็จะไม่มีใยผ้า สามารถใส่ได้
- ถ้าเลือกผ้าวูลตัดสูท หรือเลือกผ้าที่ดี ก็ควรต้องใช้ผ้าซับในที่ดีเช่นกัน เพราะถ้าเลือกผ้าดีแต่ซับในธรรมดา อากาศก็ไม่ถ่ายเทอยู่ดี
- ถ้าต้องใส่สูทแล้วต้องทำงานเอ้าท์ดอร์ ให้เลือกผ้าที่ถ่ายเทอากาศดีอย่างลินิน หรือคอตตอน และเลือกสีที่ไม่เข้มมาก เพราะจะไม่ดูดแสง
“สำหรับวิน เรื่องของเสื้อผ้ามันไม่มีกรอบกฎเกณฑ์อะไรเลย วินไม่เคยแนะนำลูกค้าว่าอย่าทำแบบนั้นแบบนี้นะมันไม่เหมาะกับคุณ เพราะวินคิดว่าอะไรที่ทำแล้วคุณมั่นใจ คุณทำเลย เรามาช่วยกันทำเสื้อผ้าในแบบที่คนใส่จะมั่นใจที่สุดดีกว่า อยากทำอะไรอยากลองตัดสูทแบบไหน ลองไปเลย ผ้ามันเป็นอะไรที่เราแก้ได้เสมอ มันไม่ใช่อวัยวะที่แบบถ้าตัดไปแล้วต่อไม่ได้ อย่างลูกค้าบอกว่ากว้างเกินไป แคบเกินไป วินก็จะปรับให้ตามที่ต้องการที่ใส่แล้วสวยที่สุด มั่นใจที่สุด”
Special Thanks
Pinky Tailor
Credits
Shoes: Crazy Steps, Ballet Shoes
Stylist: Janevit Srisarakorn
Make Up: Mookmake
Hair Stylist: Preeda Thawara
Photographer: Chaiwat Kangsamrit