มาเชียงใหม่รอบนี้เรามีโอกาสได้มาเยือนร้านแยมโฮมเมดหนึ่งเดียวในประเทศไทย ตื่นตาตื่นใจไปกับขวดแยมหลากสีเรียงรายอยู่บนชั้นที่มีให้เลือกมากกว่า 300 ชนิด จากวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นเยี่ยมและแพชชั่นที่เปี่ยมล้นของ วีรยุทธ บุญมา หรือ วี ผู้เป็นทั้งเชฟและเจ้าของร้าน Tasty Herb  




จุดเริ่มต้นของการทำแยม 
วีเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนเคยเป็นเชฟแผนกเบเกอรี่ในโรงแรม ก่อนตัดสินใจลาออกมาเปิดร้านแยมในตลาดจริงใจมาเก็ต โดยใช้วัตถุดิบในเชียงใหม่เป็นหลัก เริ่มต้นจากแยมลูกหม่อนหรือมัลเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และสับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ที่ปลูกเยอะในเชียงใหม่และมีผลผลิตล้นตลาด จากนั้นจึงตัดสินใจมาเปิดร้านที่นิมมานเหมินทร์ซอย 7 และเริ่มครีเอทรสชาติใหม่ๆ จากผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพร นำมาประยุกต์เป็นแยมรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน จนตอนนี้มีแยมมากกว่า 300 ชนิด  





ฉีกกฎแยมแบบดั้งเดิม…หวานน้อย แต่อร่อยมาก! 
แยมเป็นการแปรรูปผลไม้ให้มีลักษณะเหนียวข้นคล้ายเจล โดยลักษณะเจลนี้เกิดขึ้นจากกรดในผลไม้ น้ำตาล และเพคติน (pectin) มาเจอกันในสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากความหวานตามธรรมชาติของผลไม้แล้ว ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมแยมมักจะใส่น้ำตาลทรายขาวเพื่อทำให้เนื้อแยมข้นขึ้น และเป็นการถนอมอาหารให้เก็บได้นานขึ้น ซึ่งตรงนี้วีมองว่ายังไม่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพ และความนิยมบริโภคหวานน้อยของคนยุคนี้เท่าไหร่ 

คนรุ่นใหม่ใส่ใจเรื่องปริมาณน้ำตาลมากขึ้น  
“เพราะคนไทยยุคใหม่ไม่นิยมทานหวานกันแล้ว ระดับความหวานที่คนรุ่นใหม่ชอบจะน้อยกว่าสมัยก่อน เพราะคนตระหนักถึงโรคภัยไข้เจ็บที่มาจากการบริโภคหวานมากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวาน หลายคนเวลานึกถึงแยมก็จะคิดว่ามันต้องหวานมากๆ ทั้งที่จริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องหวานขนาดนั้นก็ได้ เราเลยอยากทำแยมที่มีความหวานพอดี แต่ก็ไม่ปราณีเรื่องรสชาติที่ต้องอร่อยด้วย” 
 

  

แยมโฮมเมดไร้น้ำตาล ทานได้แบบไม่รู้สึกผิด 
สำหรับคนที่อยากจะเติมรสชาติให้กับขนมปังแต่ยังกลัวระดับน้ำตาลพุ่งปรี๊ด บอกเลยว่าแยมของที่นี้ไม่ใส่น้ำตาล แต่ใช้เป็นความหวานของผลไม้และหญ้าหวาน (Stevia) ซึ่งให้รสหวานแต่ปริมาณแคลลอรี่ต่ำ จนได้แยมรสชาติออกหวานน้อย ให้เนื้อผลไม้แท้เน้นๆ จะมีแค่แยมบางรสชาติเท่านั้นที่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลในกระบวนการผลิตซึ่งทางร้านจะวางแยกกันไว้อย่างชัดเจน

 

   

รสชาติของงานศิลปะในขวดแก้ว
จากผลไม้ที่เราเอามาผสมผสานกับสมุนไพร ชา หรือวัตถุดิบที่หลายคนคาดไม่ถึง เอามาประยุกต์จนกลายเป็นรสชาติซิกเนอเจอร์ที่หลายคนแนะนำกันแบบปากต่อปาก เช่นแยมมังคุดที่มีเฉพาะในฤดูกาลเท่านั้น แยมส้มวนิลลา แยมไวท์พีชดอกเอลเดอร์ แยมลูกแพร์แชมเปญ แยมสตรอว์เบอร์รีเอิร์ลเกรย์ แยมกล้วยดาร์กช็อคโกแลต ฯลฯ 

 

  

หรือแม้กระทั้งผลไม้พื้นบ้านและสมุนไพรอย่างแยมมะยมเชื่อม แยมตะขบ แยมน้ำผึ้งพริกขิง แยมบอระเพ็ด ซึ่งเป็นสมุนไพรที่หลายคนคิดว่าทานไม่ได้ แต่วีก็หยิบวัตถุดิบเหล่านี้มาเล่นแร่แปรธาตุจนออกมาในรูปแบบของแยมที่อร่อยและทานง่ายสำหรับทุกคน

 

  

  

 

 

นอกจากนี้ยังมีแยมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องดื่มค็อกเทลอย่างแยมลูกแพร์แชมเปญ หรือ Pina Colada ถึงจะมีแอลกอฮอล์แต่เมื่อผ่านกระบวนการทำแยมที่ต้องใช้ความร้อน แอลกอฮอล์ก็ระเหยไปหมด เหลือเพียงความเข้มข้นและความอร่อยเท่านั้น

 

  

อีกไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แยมข้าวเหนียวทุเรียน และ แยมข้าวเหนียวมะม่วง ด้วยกลิ่นและรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2 รสนี้จึงได้รับค่อนข้างดีในหมู่ชาวต่างชาติ 

 

  

เมื่อ ‘แยม’ ไม่จำเป็นต้องคู่กับ ‘ขนมปัง’ เสมอไป...
หลายคนอาจเคยชินกับการปาดแยมลงบนขนมปังทานเป็นมื้อเช้า แต่ความจริงแล้วยังสามารถนำเอาไปมิกซ์แอนด์แมตช์กับเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะผสมกับโซดา มิกซ์เป็นเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่น ใส่น้ำร้อนแล้วดื่มเป็นชา เอาไปใช้เป็นท็อปปิ้งบนสมูธตี้หรือโยเกิร์ตก็ยังได้ ไม่จำกัดอยู่แค่ทาขนมปังเท่านั้น

​
“ถ้าเอาไปผสมกับโซดา เราแนะนำเป็นแยมลิ้นจี่กุหลาบราสป์เบอรี่ ที่มีทั้งความหอม ความหวาน ความเปรี้ยว ซึ่งเราเลือกใช้กุหลาบมอญออร์แกนิกส์จากอำเภอแม่แตง เด็ดสดใหม่นำมาล้างให้สะอาด รวมถึงลิ้นจี่และราสป์เบอรี่ก็ปลูกในเชียงใหม่เหมือนกัน”

 

  

“ถ้าเอาไปผสมกับน้ำร้อน แนะนำเป็นแยมขิงส้มชาเอิร์ลเกรย์ ที่มีความเปรี้ยวซ่าจากส้มซันคิสต์ ความหอมของชาเอิร์ลเกรย์ และความเผ็ดร้อนจากขิง ทานแล้วชุ่มคอ รู้สึกมีพลัง”

 

  

สำหรับใครที่อยากเติมรสชาติใหม่ๆ ให้กับชีวิต เราขอแนะนำให้แวะมาที่ร้าน Tasty Herb มีแยมรสชาติใหม่ๆ หมุนเวียนมาให้ได้ลิ้มลองกันตลอดปี

ราคาขวดละ 150 บาท ช่วงนี้มีโปรโมชั่นซื้อ 3 แถม 2 
ลูกค้าเก่าที่นำขวดมาคืน จะได้รับส่วนลด 10 บาท อีกด้วย!

สามารถแวะมาที่หน้าร้าน Tasty Herb นิมมานเหมินทร์ซอย 7 หรือสั่งซื้อออนไลน์ ก็มีบริการส่งทั่วไทยด้วย
Facebook : Tasty Herb
Line : @tastyherbshop
Instagram : Tasty Herb
Shopee : Tasty Herb