Energy vampire เลือดไม่ดูด ดูดแต่พลังงาน คนแบบนี้เลี่ยงได้เลี่ยง!

ถ้า ‘เคาท์ แดร็กคิวล่า’ คือจอมราชาแห่งผีดูดเลือด งั้นคนท็อกซิกที่อยู่ใกล้ตัวคุณก็อาจเป็น ‘Energy Vampire’ จอมดูดพลังที่พร้อมจะดูดพลังจากตัวเราทั้งหมดได้เหมือนกัน ซึ่งคำนี้ใช้เป็นคำเรียกบุคคลที่ทำหน้าที่ดูดพลังงานทางอารมณ์ และแรงในการใช้ชีวิตจากผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว พบเจอได้ทั้งในชีวิตจริงและบนโซเชียลมีเดีย

energy vampire


สถานที่พบเห็น Energy Vampire เจอแล้วโปรดแจ้ง!

Energy vampire สามารถพบได้ทุกที่บนโลก และจากคนได้ทุกคน แม้แต่คนข้างๆ คุณก็เจอได้เหมือนกัน มักแฝงมาในคราบของเพื่อน ครอบครัว แฟน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คุณป้าข้างบ้านก็นับ! โดยคนพวกนี้จะต้องการความสนใจ การเอาใจใส่จากคุณตลอดเวลา และจะทิ้งความรู้สึกเครียด หมดพลัง เหนื่อยเพลีย และความรู้สึกท่วมท้นไว้ให้คุณแทน 

และหาก Energy vampire แพร่เข้าไปในโลกออนไลน์ คนพวกนี้ก็จะชอบโพสต์หรือทวิตอะไรก็ตามที่เต็มไปด้วยความเศร้า ท้อแท้ หรือเรื่องเครียดๆ เช่น ข่าวความขัดแย้ง ข่าวร้ายซ้ำไปซ้ำมา และต้องเสพเรื่องแบบนี้ทุกๆ วัน มองผ่านๆ ก็ดูไม่มีอะไร แต่สำหรับคนที่มาเห็นจะรู้สึกอ่อมนิดหน่อย เพราะก็ไม่ได้อยากรู้ แม้จะเป็นเพียงการไถฟีดผ่านๆ ก็สามารถส่งกระแสด้านลบต่อจิตใจคนอ่านได้แล้ว
 

จำแนก Energy vampire มีกี่ชนิด

- เหยื่อ
จำนางอิจฉาในละครหลังข่าวตอน 2 ทุ่มได้ไหม? นั่นแหละคือคาแรคเตอร์ของแวมไพร์ชนิดนี้ เป็นบุคคลที่พร้อมรับบทเป็นผู้ถูกกระทำ มีทักษะพิเศษพร้อมที่จะสร้างเรื่องสุดเศร้าของตัวเองให้ใหญ่โต แม้ต้นตอจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม มีแนวโน้มสูงที่จะบ่นอะไรที่เบาๆ ให้ดังก้องไปทั่วทั้งโลกได้ ชอบทำให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ และทำเหมือนคนทั้งโลกหันหลังให้ 
- นักวิจารณ์
ตัวอย่างที่สังเกตได้ คือป้าข้างบ้านที่ชอบเอาเวลากับแรงส่วนใหญ่ไปวิจารณ์คนนู้นคนนี้ เหตุการณ์แบบไหนที่ตัวเองเห็นว่าไม่ถูกใจก็วิจารณ์ หรือแม้แต่สิ่งของก็ยังหยิบมาวิจารณ์ได้เหมือนกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรเก่งเท่าแม่เธอแล้ว สังเกตได้ว่าคนกลุ่มนี้จะชอบการวิจารณ์ทุกสรรพสิ่งเป็นหลักและไม่ค่อยจะหยุดพูดเท่าไหร่
- นักดราม่า
เราอาจจะเคยเจอข่าวแนวๆ “ชาวเน็ตแห่ดราม่า” ที่มักหยิบอะไรก็ไม่รู้มาดราม่าได้ทุกเรื่อง แม้ว่าชาวเน็ตจริงๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดราม่าเรื่องอะไร? คนกลุ่มนี้มีความสามารถในการสร้างและดึงดูดเรื่องดราม่ามาได้ตลอด และชอบทำตัวเหมือนอยู่ในมรสุมเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา และต้องการความเห็นใจจากคนรอบข้างอยู่เสมอ
- จอมบงการ
เทพแห่งการควบคุมทุกสิ่ง ใครทำอะไรขัดหูขัดตาหน่อยเป็นหงุดหงิดตลอด มักไม่พูดสิ่งที่ตัวเองอยากได้ แต่จะไปควบคุมสิ่งของหรือคนที่อยู่รอบๆ แทน และมักจะบอกในคนเหล่านั้นทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น ใครไม่ทำเตรียมโดนโกรธ
- นักคิดในแง่ลบ
เป็นคนที่มองหาแต่ด้านลบๆ อยู่เสมอซึ่งไม่รู้ไปหามาจากไหนได้ยังไง ต่อให้ตรงนี้จะมีข้อดีมากมายกองพะเนิน แต่เขาก็จะเลือกหยิบมาเฉพาะข้อเสียขนาดเท่าเม็ดข้าวสารมาพูดอยู่ดี โดยไม่สนใจโอกาสดีๆ ที่อาจได้จากสถานการณ์นั้นๆ (แล้วก็ชอบมาบ่นตอนหลังว่า “เสียดาย” ทุกที)
- ผู้กล่าวโทษ
เป็นบุคคลที่พร้อมกล่าวโทษทุกสิ่งรอบตัวที่ทำให้ตัวเองแย่ลง แต่ไม่ยอมดูว่าจริงๆ แล้วส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพวกเขาเองเท่านั้น มักมีความสามารถในการหยิบยื่นความผิดและความละอายทุ่มใส่คนอื่นได้เสมอ

energy vampire

วิธีเอาตัวรอดจาก Energy vampire
ด้วย 6 วิธีง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก แต่จะทำมั้ยก็อีกเรื่อง ทำตามนี้ได้เลย
 
1. กำหนดขอบเขตการเข้าหา
คนทุกคนต่อให้เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ก็ย่อมมีลิมิตขอบเขตที่รับได้ไม่เท่ากัน ตัวเราเองรู้ตัวดีที่สุด ต้องกำหนดขอบเขตว่าอะไรทำได้ อันไหนทำไม่ได้ และต่อให้ทำได้ ให้ทำได้มากแค่ไหน เช่น ชวนออกไปกินข้าวก็บอกไปเลยว่าอยู่ได้ถึงกี่โมง วิธีนี้จะเหมาะกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่ไม่ได้สนิทมาก
2. รีแอคชันต่ำๆ ไว้
เหล่าแวมไพร์จะชอบอยู่กับคนที่มีพลังงานในตัวเยอะ พวกที่ชวนคุยแล้วรีแอคชันตอบกลับเยอะๆ แวมไพร์จะชอบมาก เพราะรู้สึกเหมือนได้เป็นจุดสนใจ ถ้าคุณนิ่งเข้าไว้ เงียบๆ Stay low ออกความเห็นน้อยๆ พอเป็นพิธี มีอารมณ์ร่วมนิดหน่อย เดี๋ยวพวกเขาก็เลิกสนใจไปเอง
3. ปฏิเสธให้เป็น
ข้อนี้ยากหน่อยสำหรับคนไทย แต่ถ้าทำได้จะเซฟชีวิตตัวเองได้เยอะมาก แต่ถ้าคุณปฏิเสธไม่เป็น แวมไพร์จะเลิฟมาก และจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้ ถ้าคิดแล้วว่าเรื่องนี้ไม่อยากทำก็ควรปฏิเสธ และให้เหตุผลตามตรงไปเลย พอปฏิเสธบ่อยๆ เข้า คนพวกนี้ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปเอง
4. อย่าเสียเวลาเถียงกับคนพวกนี้
เถียงไปก็ไม่ชนะ เพราะเขามีธงในใจอยู่แล้ว ต่อให้ยกเหตุผลทั้งมหาสมุทรมาทุ่มใส่ เขาก็จะไม่รับฟังอยู่ดี แถมจะโบ้ยให้เราเป็นคนผิดอีก วิธีที่ดีคือ อยู่นิ่งๆ และเดินออกมาเลย ไม่ต้องโต้ตอบอะไร แต่ถ้าอยากเอาชนะจริงๆ ให้ถามไปว่า “ทำไมถึงทำ…แบบนี้เหรอ บอกเหตุผลได้ไหม” ประมาณนี้ เพราะแวมไพร์มักจะมีตรรกะแปลกๆ ที่ไม่ค่อยมีเหตุผลรองรับ ถ้าสวนกลับด้วยคำถามเริ่มด้วย “ทำไม” จะเป็นการหยุดพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง แล้วค่อยเดินออกมา
5. เรื่องบางเรื่องทิ้งไปบ้างก็ดี
การอยู่ใกล้แวมไพร์แม้เพียงชั่วครู่ก็ทิ้งความเหนื่อยล้า หรือพลังงานลบไว้ให้เราได้ พยายามระบายมันออกหรือทิ้งไปเลยก็ช่วยลดระดับความประสาทลงได้
6. ถ้าทำได้ก็ตัดออกจากชีวิต
ข้อนี้ยากที่สุด แต่ถ้ามองเหล่าแวมไพร์แล้วไม่ได้รู้สึกมีประโยชน์อะไร ก็ตัดโลด วิธีนี้จะเหมาะกับคนไกลๆ ซะมากกว่า เช่น แฟนเก่า หรือป้าข้างบ้าน บล็อกให้หมดทุกช่องทาง ไม่ต้องติดต่อ คุยกันให้น้อยที่สุด ไม่ต้องออกไปเจอตัวจริง เงียบและหายไปจากกันและกัน

Energy Vampire อาจอยู่รอบตัวเราโดยที่ไม่ทันสังเกต (หรือสังเกตแหละ แต่ทำเมิน) ซึ่งจะนำแต่พลังลบมาให้เราตลอดเวลาจนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแห้งตาย แต่การตั้งขอบเขต รู้จักปฏิเสธ และดูแลตัดคนพวกนี้ออกจากชีวิตได้นับเป็นสิ่งสำคัญ อย่าปล่อยให้ใครมาดูดพลังชีวิตของเราไปได้ง่ายๆ ยังมีอีกหลายเรื่องบนโลกที่เราควรเอาเวลาและพลังงานไปให้มากกว่า
-->