Stop Bullying ... รู้มั๊ย? ทำไมคนชอบ “รังแกคนอื่น”

คุณคิดเหมือนกันมั๊ยว่าเรื่อง Bullying หรือการรังแกคนอื่นเป็นปัญหาที่ถูกพูดถึงมานานมากก แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เรื่องนี้ก็ยังเวียนวนอยู่ในสังคมไม่หายไปไหน ยิ่งพอเข้าสู่ยุคดิจิตอล ก็กลายเป็นเกิด cyber bully ขึ้นมาอีก ทำให้เราต้องลุกขึ้นมาหาสาเหตุอย่างจริงจังให้รู้กันไปเลยว่า “อะไร” คือเหตุผลของคนที่ชอบรังแกคนอื่นกันแน่ 

ผลการวิจัยทางจิตวิทยากับการถูก Bullied
เราไปเจอข้อมูลจากเว็บไซด์เมืองนอกอันนึงที่มีชื่อว่า Ditch The Label ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลระดับนานาชาติที่ต่อต้านการ Bully อย่างจริงจัง เพราะพวกเขาเชื่อว่าโลกนี้มีความเท่าเทียมกัน มีความยุติธรรมและที่สำคัญคือไม่ควรมีการ “รังแก” กันในทุกรูปแบบ ซึ่งในแต่ละปีเขาก็ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด และหนึ่งในการสำรวจพบว่าส่วนมากแล้วคนมัก “รังแกคนอื่น” เพื่อให้ตัวเองรู้สึกมีอำนาจ สามารถควบคุมคอนโทรลคนอื่นได้ ซึ่งการรังแกนั้นก็มีทั้งทำร้ายร่างกายและจิตใจ 

ความเครียด & ความเจ็บปวด
หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับผู้ตอบแบบสอบถาม 8,850 คน พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของคนที่รังแกคนอื่นเคยเจอกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดและประสบการณ์ที่แย่ๆ มาในช่วง 5 ปีหลัง รวมถึงการอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน การสูญเสียญาติผู้ใหญ่ หรือแม้แต่การมีพี่น้องเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายคนก็เลือกที่จะรับมือกับปัญหานี้ในเชิงบวกเช่น นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือไปพบจิตแพทย์ แต่ก็มีบางกลุ่มที่เลือกแสดงออกด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว เช่น การแกล้งคนอื่น ใช้ความรุนแรง หรือติดแอลกอฮอล์ ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวแน่นอน

การเลี้ยงดู & สั่งสอน
กว่า 66% ของคนที่ยอมรับว่าชอบ Bullying เป็นเพศชาย ซึ่งก็ต้องย้อนไปดูถึงการเลี้ยงดูเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่แตกต่างกัน เด็กผู้ชายหลายคนไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึก เพราะพวกเขาถูกสอนว่านั่นคือการแสดงออกถึงความอ่อนแอ สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ในขณะที่เด็กผู้หญิงจะถูกสอนให้กล้าบอกความรู้สึกของตัวเอง กล้าแสดงออกในเรื่องที่มากระทบกับตัวเองในรูปแบบที่นุ่มนวล พฤติกรรมนี้ทำให้เมื่อเด็กผู้ชายโตขึ้นเขาก็อาจจะรู้สึกหมดกำลังใจ และเริ่มจะแสดงออกด้วยพฤติกรรมก้าวร้าวแทน และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายมักมีเรื่องชกต่อยหรือกลั่นแกล้งกันรุนแรงมากกว่าผู้หญิง 

สูญเสียคุณค่าในตัวเอง
แทนที่จะให้ความสำคัญว่าเรารู้สึกกับตัวเรายังไง แต่น่าเสียดายที่หลายคนเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการที่คนอื่นจะรู้สึกต่อเรายังไงมากกว่า นั่นทำให้กว่าครึ่งของคนที่ชอบรังแกคนอื่น ทำพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง เพียงเพื่อต้องการเป็นที่สนใจเท่านั้น ซึ่งบางครั้งพวกเขาเหล่านั้นก็อาจจะยืนอยู่หน้ากระจกแล้วรู้สึกเกลียดตัวเองด้วยซ้ำ มันอาจจะเป็นความกดดันที่สร้างขึ้นเพื่อต้องการที่จะได้หรือจะเป็นเหมือนอย่างคนอื่นๆ เพราะหลายคนก็ถูกสอนมาให้เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แทนที่จะภูมิใจกับความเป็นตัวตนของตัวเอง 

โดน “รังแก” มาก่อน
จากการทำวิจัยพบว่าคนที่เคยถูกรังแกมาก่อนอย่างน้อย 2 ครั้ง มักจะทำพฤติกรรมนี้กับคนอื่นเช่นกัน โดยพวกเขามองว่านี่คือการโต้ตอบอย่างหนึ่ง หลายคนโดนรังแกตั้งแต่เด็กๆ หรือหลายคนอาจกำลังโดนอยู่ในตอนนี้ ทำให้เค้าเชื่อว่าการที่จะปกป้องตัวเอง คือการทำร้ายคนอื่น โดยไม่ทันได้รู้เลยว่า สุดท้ายพฤติกรรมเหล่านี้นี่แหละ ที่จะกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง มันก็เป็นเหมือนวังวนที่ไม่จบสิ้น ทำร้ายกันไปกันมา

พื้นฐานของครอบครัว
หนึ่งในสามของคนที่ชอบรังแกคนอื่นบอกว่าพวกเขารู้สึกว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่มีเวลาให้พวกเขามากพอ ส่วนมากจะเป็นกับครอบครัวใหญ่ๆ ที่มีกันหลายๆ คน พวกเขามักจะรู้สึกถึงการปฏิเสธจากคนที่ควรจะเป็นคนที่รักเขาแบบไม่มีเงื่อนไข แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับไม่ใช่ นั่นทำให้พวกเขาเลือกที่จะแสดงออกความพฤติกรรมการก้าวร้าวนั่นเอง

ความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เรา ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนก็ตาม และคนที่ชอบรังแกคนอื่นมักจะรู้สึกอยู่ตลอดว่าความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือกับเพื่อนไม่มั่นคง และเพื่อจะยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์เหล่านั้นให้ได้ พวกเขารู้สึกถูกกดดันให้เลือกที่จะแสดงออกด้วยพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ 
-->