Spit don’t rinse ‘แปรงฟันแห้ง’ ป้องกันฟันผุได้ดีกว่าเดิม!
จากผลการสำรวจสุขภาพช่องปากแห่งชาติครั้งล่าสุดปี 2012 พบว่า 87% ของประชากรไทยวัย ผู้ใหญ่ “มีฟันผุ” โดยแต่ละคนมีฟันผุเฉลี่ยคนละ 6 ซี่ แต่ล่าสุดมีกระแสวิธีการแปรงฟันแบบใหม่ที่จะมาช่วยป้องกันฟันผุได้ดีกว่าเดิมอย่างการ แปรงฟันแห้ง
เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินผ่านหูกันมาเกี่ยวกับการ “แปรงฟันแห้ง” หรือ Spit don’t rinse ซึ่งเป็นวิธีการแปรงฟันแบบไม่ต้องบ้วนน้ำกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นว่ามันดีกว่าจริงหรอ? ไม่บ้วนน้ำแล้วจะสะอาดหรอ? แล้วจะมีสารตกค้างซึ่งเป็นอันตรายรึเปล่า? ซึ่งวันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนได้รู้ชัดแจ่มแจ้งกันไปเลย
แปรงฟันแห้งคืออะไร?
คือวิธีแปรงฟันโดยที่ไม่ต้องเอาแปรงสีฟันที่ใส่ยาสีฟันแล้วไปจุ่มน้ำ พอแปรงเสร็จแล้วก็ไม่ต้องใช้น้ำเปล่าบ้วนปากแต่ใช้การถุยยาสีฟันออกแทน เพราะการบ้วนน้ำจะเป็นการลดปริมาณฟลูออไรด์ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปาก ทำให้ประสิทธิภาพการป้องการฟันผุลดลงนั่นเอง ซึ่งข้อสรุปจากที่ประชุมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่สหราชอาณาจักรในปี 2012 มีมติเห็นตรงกันว่าควรแนะนำให้ประชาชนทั่วโลกหันมาแปรงฟันแห้ง เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันฟันผุที่ดีกว่า
เพราะฟลูออไรด์จะหลงเหลืออยู่น้อยนิดหลัง “บ้วนน้ำ”
เราถูกสอนกันมาตั้งแต่เด็กว่ายาสีฟันที่มีฟลูออไรด์จะช่วยป้องกันฟันผุ แต่ถึงแม้ว่าเราจะแปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แต่ทำไมฟังของเราถึงยังผุอยู่ดี? จากบทความของ รศ.ทญ.ดร. สุดาดวง กฤษฎาพงษ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลไว้ว่าการแปรงฟันแห้งคือการได้ฟลูออไรด์ไปเต็มๆ 100% แต่การบ้วนน้ำจะทำให้ปริมาณฟลูออไรด์ในช่องปากลดลงทันที
โดยการบ้วนน้ำ 1 ครั้ง จะทำให้ฟลูออไรด์ลดลงเหลือ 50% บ้วนครั้งที่ 2 ลดเหลือ 25% ฉะนั้นถึงจะแปรงบ่อยแค่ไหน แต่ถ้าบ้วนน้ำหลังแปรงฟันฟลูออไรด์ก็แทบจะไม่เหลืออยู่เลย ยิ่งถ้ากินข้าวหรือดื่มน้ำหลังแปรงฟันทันทีฟลูออไรด์ก็จะลดฮวบลงไป 12-15 เท่า ฉะนั้นหลังแปรงฟันแห้งควรงดดื่มน้ำหรือทานอาหารครึ่งชั่วโมงเพื่อคงระดับฟลูออไรด์ให้เกิดกลไกการซ่อมแซมผิวฟันได้อย่างเต็มที่ซะก่อน ซึ่งในที่นี้ก็ต้องเช็คด้วยว่ายาสีฟันที่ใช้มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ไม่งั้นแปรงไปก็ไม่ช่วยป้องกันฟันผุนะ!
แล้วยาสีฟันที่หลงเหลืออยู่ในช่องปาก เป็นอันตรายรึเปล่า?
หลายคนกังวลว่าสารเคมีจะตกค้างในช่องปากแล้วเป็นอันตรายรึเปล่า โดยเฉพาะสารลดแรงตึงผิวในยาสีฟันอย่าง Sodium Lauryl Sulfate (SLS) ซึ่งความเป็นจริงแล้วสาร SLS ไม่ใช่สารก่อมะเร็ง อีกทั้งผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางรวมถึงยาสีฟันจะถูกควบคุมไม่ให้มี SLS เกิน 15% แต่ยาสีฟันส่วนใหญ่มีสาร SLS เพียงแค่ 0.5-2% เท่านั้น ยิ่งถ้าบ้วนทิ้งแล้วก็จะเหลือในปริมาณที่น้อยมากจนไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในช่องปากหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ยาสีฟันสำหรับแปรงแห้งโดยเฉพาะ
แต่สำหรับคนที่กังวลเรื่องสารตกค้าง เดี๋ยวนี้เขามียาสีฟันที่ออกแบบมาสำหรับแปรงแห้งโดยเฉพาะ อย่างเดนทิสเต้ สูตร Anticavity Max Fluoride ซึ่งไม่มีสาร SLS , Alcohol, Gluten, Suger, และ Plastic Microbeads มั่นใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังมีฟลูออไรด์จัดเต็มถึง 1,500 PPM ป้องกันฟันผุแบบเต็มสตรีมสุด
แอบกระซิบว่าตอนนี้เดนทิสเต้เขามีแคมเปญแจกยาสีฟันสำหรับแปรงแห้ง Dentiste’ Anticavity Max Fluoride ฟรี! 1 ล้านหลอดทั่วประเทศ ใครที่สนใจสามารถไปรับได้ที่ร้านขายยา P&F ทุกสาขาทั่วประเทศ
วิธีแปรงฟันแห้งที่ถูกต้อง
ทันตแพทย์หญิง มณฑิสา เอี่ยมกระสินธุ์ แนะนำว่า “การแปรงฟันแห้งนั้นจะต้องแห้งทั้งก่อนแปรงและหลังแปรง โดยก่อนแปรงฟันจะต้องทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟัน (dental floss) เพื่อนำเศษอาหารออกและบ้วนปากให้สะอาดก่อน จากนั้นป้ายยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ลงบนแปรงสีฟันที่แห้งไม่เปียกน้ำและแปรงฟันได้ทันที แปรงฟันให้ทั่วถึงนาน 2 นาทีขึ้นไป เมื่อแปรงเสร็จให้บ้วนยาสีฟันทิ้งโดยไม่ต้องบ้วนน้ำ”
คีย์เวิร์ดสำคัญของการแปรงฟันแห้งคือการทิ้งฟลูออไรด์ให้ยึดเกาะกับผิวฟันเพื่อทำหน้าที่ป้องกันฟันผุ ทำให้สุขภาพฟันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนที่ยังรู้สึกไม่ชิน แรกๆ อาจเริ่มด้วยการบ้วนน้ำปริมาณน้อยแค่ 1 ครั้ง หรือใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำช่วยแปรงลิ้นหลังแปรงแห้ง ลองปรับดู แล้วสุขภาพฟันจะดีขึ้นจนหมอฟันชมเลยล่ะ!