Ice Padie คนที่ทำให้โลกบิวตี้สดใสไปถึงจักรวาล กับเส้นทางของการเป็น Beauty Blogger
ใครเป็นสายบิวตี้ ชอบดูคลิปสอนแต่งหน้า รีวิวเมคอัพบน Youtube บ่อยๆ คงจะคุ้นหน้าสาวฟรุ๊งฟริ๊งยิ้มตาสระอิคนนี้กันเป็นอย่างดี ไอซ์ ภาวิดา ภาควิวรรธ คือบิวตี้บล็อกเกอร์ที่กำลังมาแรงสุดๆ ด้วยคาเรคเตอร์ที่สดใส อารมณ์ดีบวกกับสไตล์การแต่งตัวสุดคัลเลอร์ฟูล ทุกอย่างดูโพสิทีฟไปหมด จนทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า เส้นทางของการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ของ “ไอซ์ พาดี้” นั่นเป็นยังไง
Beauty คือแพชชั่นที่มีมาตั้งแต่เด็ก
“ตอนเรียนมหาลัย เราเลือกเข้านิเทศจุฬาเพราะว่าตอนแรกอยากเป็นผู้กำกับ แต่จังหวะพลิกผลันก็เลยได้มาเรียนการแสดง ได้ทำละครเวที ซึ่งตอนนั้นเป็นฝ่าย Make up เป็นจุดที่เข้าใกล้ Beauty blogger มากขึ้น” แต่เรื่องที่ทำให้เราเซอร์ไพร์ซกว่าก็คือ เธอชอบงานแต่งหน้าแบบจริงจังจนถึงขั้นไปสมัครเป็นพนักงานเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์มาแล้ว “จริงๆ ตอนเรียนจบก็อยากเป็นช่างแต่งหน้านะ เคยไปสมัครเป็น BA ที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางด้วย เพราะรู้สึกว่าชอบมากๆ อยากทำอาชีพที่เกี่ยวกับการแต่งหน้า แต่เขาไม่รับเพราะเรา Over Qualified เราเรียนจบจุฬาฯ มันต้องยืนทั้งวันนะ เล่นมือถือไม่ได้นะ แต่เราก็บอกว่าเราโอเค เราไหว แต่เขาก็ไม่รับเราอยู่ดี” หลังจากนั้นเธอจึงผันตัวไปเป็น Beauty Writer ที่นิตยสาร L’Official และ Wongnai Beauty ก่อนจะออกมาทำยูทูปชาแนลของตัวเอง
จุดเริ่มต้นของการเป็น Beauty Blogger
สำหรับจุดสตาร์ทของการทำคลิปนั้น เธอเล่าให้เราฟังอย่างอารมณ์ดีว่า “คลิปแรกน่าจะเป็นคลิป One day with Padie ใช้เวลาอัดนานมาก อัดในห้องคอนโดที่ไฟเป็นสีเหลืองๆ ตอนนั้นได้แรงบันดาลใจในการทำ vlog มาจากช่องถ่ายทอดสดแพนด้าช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย ที่วันๆ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย ก็เลยรู้สึกว่าชีวิตเรานี่มันน่าสนใจมากเลยนะ ช่วงนั้นทำงานอยู่ Wongnai Beauty ก็จะมีคนชวนไปต่อขนตา ไปนวดสปา แล้วต้องไปรีวิว ซึ่งใน 1 วันเราไปหลายที่มาก เลยลองอัดคลิปว่าวันนึงเราทำอะไรบ้าง ปรากฎว่ามันเวิร์คก็เลยเริ่มอัดคลิปต่อมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ก็เป็นปีที่ 4 แล้ว”
Beauty Blogger กับความท้าทาย ที่หลายคนไม่เคยรู้
หลังจากได้ฟังเธอเล่าถึงงานบิวตี้บล็อกเกอร์ ก็ทำให้เราเห็นว่ามันก็มีบางมุมไม่ได้ง่ายและสวยหรูอย่างที่หลายคนคิด “การเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์มันไม่ได้ง่ายเลย เราคิดว่าการทำให้คนฟังในสิ่งที่เราพูดเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ต้องทำการบ้านว่าเขาอยากดูอะไร เรามีหน้าที่ถ่ายทอดก็ต้องถ่ายทอดให้น่าสนใจ ให้คนดูอยู่กับเรา ต้องรู้จักเครื่องสำอาง ต้องพูดรู้เรื่อง ต้องเขียนรู้เรื่อง ต้องตัดต่อได้ ต้องขายให้เป็น พอทำคลิปออกมามันก็จะมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบอยู่แล้ว ก็เหมือนทำงานออฟฟิศ ทำงานแล้วเจ้านายโอเคหรือไม่โอเค อาจมีเจ้านาย 1 คน หรือมากสุดก็ 3 คน แต่นี่เหมือนเราทำให้คนที่ไหนมาชอบหรือมาว่าเราก็ได้ ซึ่งก็เป็นจุดที่ต้องยอมรับให้ได้เหมือนกัน”
วิธีจัดการกับความรู้สึก… เมื่อเจอ “คอมเมนต์ด้านลบ”
“แต่ก่อนเรามีภูมิคุ้มกันด้านนี้สูงมาก เพราะเป็นคนคิดบวก ไม่ค่อยมีคอมเมนต์ที่ทำร้ายความรู้สึกเราได้มากขนาดนั้น แต่หลังๆ มีกระแสโซเชียลที่มากขึ้น บางทีเป็นเรื่องที่มันไม่ใช่เลยจริงๆ ก็มี รู้สึกอยากอธิบายความจริงนะ แต่รู้ว่าถ้าตอบหรืออธิบายไปมันก็จะไม่จบไม่สิ้น เหมือนต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อยๆ เราไม่มีทางอธิบายให้คนเข้าใจเราทั้งหมดได้ สุดท้ายก็คือต้องโอบกอดคนที่เขารักเราเอาไว้ และจบที่ความคิดของเรา”
“มุมเศร้า” ที่ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็น
เห็นความสดใสร่าเริงเบอร์ล้านผ่านคลิปวิดีโอของเธอ แต่จริงๆ ก็ยังมีอีกมุมที่หลายคนไม่เคยรู้ “จริงๆ เรามีเรื่องให้ทุกข์เยอะเหมือนกันนะ คือความเศร้าของเราเกิดขึ้นยากก็จริง แต่ถ้าเศร้าแล้วจะไม่ค่อยบอกให้ใครรู้ มันจะเป็นมวลที่เก็บไว้คนเดียว กลายเป็นว่าช่วงนั้น depressed ตัวเอง รู้สึกว่าความเศร้าที่อยู่ในตัวเรานี่มันช่างเยอะเหลือเกิน ไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ก็เลยเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองจนมันไม่ไหว เชื่อมั้ยว่าต่อให้ทุกคนพยายามพูดให้กำลังใจอะไรมาก็ฟังไม่รู้เรื่องหมดเลย ไม่ว่าคำพูดนั้นมันจะดีแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่ทำให้เราหายเศร้าได้ก็คือตัวเราเอง ต้องดึงตัวเองขึ้นมาให้ได้”
ประสบการณ์สุด Real… ลองมาเยอะ ก็พังมาเยอะเหมือนกัน
กว่าจะมีวิดีโอแต่ละคลิปให้เราได้ดูกัน เธอต้องลองเทสต์เครื่องสำอางเยอะมาก ซึ่งมันก็มีทั้งตัวที่ไปรอดและไม่รอด “คือมันก็มีบ้างที่ใช้แล้วแพ้ ก็ต้องรักษากันไป แต่เราโชคดีที่ปกติไม่ค่อยแพ้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางเท่าไหร่ อาจจะเกิดจากความเครียด แพ้น้ำ แพ้อากาศด้วย หรือบางทีหน้าเยินเพราะลองรองพื้นตัวใหม่แล้วออกไปงาน ปรากฎว่ามันตกร่องเป็นขุยหรือบางทีมันเยิ้มระหว่างวัน นั่นแหละคือความเยินที่เกิดขึ้น” เธอบอกว่าบางทีแบรนด์ส่งรองพื้นมาให้ สีอาจจะไม่ตรง เข้มไปบ้างอ่อนไปบ้าง ก็ต้องลองเสี่ยงตอนออกจากบ้านอีกที “จำได้เลยว่ามีครั้งนึงที่เราลองรองพื้นตัวนี้เป็นครั้งแรกแล้วออกจากบ้านไปเจอเพื่อนๆ ที่เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ด้วยกันนี่แหละ แล้วเขาก็ทักว่าแบบ หน้าเราวันนี้มันไม่ได้เลยอะ ความมั่นใจที่พกมาจากบ้านหายไปหมดเลย หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้เอารองพื้นขวดนั้นมาใช้อีกเลย”
บทบาทอื่นนอกเหนือจาก Beauty Blogger
ทุกวันนี้นอกจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์แล้ว เธอยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องดูแลด้วย “ทุกคนจะชอบคิดว่าเราเหมือนไม่ได้ทำอะไร ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แต่จริงๆ แล้วเราทำเยอะมาก มีบริษัทต้องดูแล มีน้องๆ ในออฟฟิศ 10 กว่าคน ซึ่งสำหรับเราถือว่าเยอะนะ เวลาเขามีปัญหาอะไรก็เหมือนปัญหาของเรา เหมือนเราไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเองคนเดียวแล้ว ตอนนี้มี 2 บริษัทที่ต้องดูแลคือ Le Photograph เป็นสตูดิโอโปรดักชั่นเฮาส์ที่ทำกับสามี ซึ่งเราดูแลเรื่องบัญชีกับการบริหาร ส่วนยูทูปชาแนล Ice Padie ก็เป็นอีกบริษัทที่ทำงานกันเป็นทีม ทั้งตัดต่อ คนวาดภาพ ผู้จัดการ และล่าสุดก็ทำแบรนด์เครื่องสำอาง Happy Sunday ที่กำลังสร้างทีมเหมือนกัน”
เธอได้เล่าถึงเป้าหมายที่เธอตั้งใจให้เราฟังไว้ว่า “เราอยากให้อะไรกับสังคม เพราะคนที่ติดตามเราส่วนหนึ่งเป็นน้องๆ เด็กๆ เลยอยากให้แง่คิดหรือให้ประโยชน์ที่มากกว่าการแต่งหน้า เราอยากทำตรงนี้ให้ดี โดยใช้ channel ของเรานี้แหละ” สุดท้ายเธอได้ฝากถึงคนที่มีความฝันอยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ว่า “ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราอยากทำเพราะอะไร ทุกอย่างมันต้องอยู่บนพื้นฐานของความชอบ และที่สำคัญเลยคือต้องเกิดจากความจริงใจ ทั้งจริงใจกับตัวเอง และจริงใจกับคนดูด้วย ”
ติดตามความสดใสของ Ice Padie ได้ที่: Youtube Channel : icepadie