9 ประเทศนี้ เค้าบอกว่า “คลีน” ที่สุดในโลก
ต้องยอมรับว่ามลพิษในอากาศนี่พุ่งสูงขึ้นทุกวันๆ จนนี่อยากจะควักปอดออกมาดูความพังให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ยังดีนะที่ไม่ใช่ทุกตารางนิ้วบนโลกจะมีแต่มลพิษ เพราะยังมีบางประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่บรรยากาศดี้ดี น่าอยู่และมลพิษน้อยอยู่บ้าง
ทางมหาวิทยาลัยเยล และโคลัมเบีย ได้จัดทำโปรเจ็คที่ศึกษาเกี่ยวกับการวัดระดับมลพิษเพื่อจัดอันดับประเทศที่น่าอยู่และสะอาดที่สุดในโลกขึ้น ซึ่งเขามีการใช้ค่าวัดมลพิษที่เรียกว่า Environmental Performance Index (EPI) โดยค่านี้จะพิจารณาภาพรวมจากสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ ความสะอาดต่างๆ และสุขอนามัยของน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้จะรวมเป็นคะแนน 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะพิจารณาจากความเป็นอยู่ของสิ่งต่างๆ ในระบบนิเวศ
Finland
ฟินแลนด์หรือประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของคาเรคเตอร์มูมิน ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่อากาศอัดแน่นด้วยคุณภาพ ที่มีมลพิษอยู่น้อยมากกกกกกก และยังมีแหล่งพลังงานรักษ์โลกหนาแน่น เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชาวฟินแลนด์ถึงไม่ค่อยป่วยกัน และความคลีนนี้ก็ยังการันตีด้วยคะแนน EPI สูงถึง 90.68 เลยทีเดียว เอาล่ะ งานนี้ใครอยากไปฟอกปอดลองกดจองตั๋วไปสัมผัสอากาศดีๆ กันดูบ้างมั๊ย
Photo Credit: guidetoiceland.is
Iceland
ไอซ์แลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อากาศดีมีคุณภาพมาก เขามีการออกนโยบายอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ ในปี 2007 ทางรัฐบาลถึงกับออกกฏมาแบนพลเมืองที่สูบบุหรี่ตามสถานที่ต่างๆ อย่างบาร์หรือร้านอาหารเลยล่ะ ทำให้ใครที่ไปเที่ยวไอซ์แลนด์แทบจะไม่เห็นคนบ้านเขาเดินสูบบุหรี่ตามท้องถนนกันเลย เรื่องของก้นบุหรี่ตามทางเดินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ส่วนคะแนน EPI ของประเทศนี้ก็คือ 90.51 วิ่งตามฟินแลนด์มาติดๆ เลยจ้า
Photo Credit: Fortunedotcom
Sweden
นี่เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยเว่อร์วังที่สุดในโลก แถมบ้านเมืองของเขาก็สะอาด ไม่มีขยะตามท้องถนนเลยแม้แต่นิด เรื่องของมลพิษก็น้อยมากกกกก ไม่ใช่แค่นั้นนะ ประเทศนี้เป็นยังเป็นเหมือนต้นกำเนิดของการออกนโยบายรีไซเคิลขยะเลยแหละ และก็ไม่ใช่ว่าจะแค่รีไซเคิลไปยังงั้นๆ ให้ดูว่ารักษ์โลกหรอกนะ แต่เขานำสิ่งที่รีไซเคิลกลับมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนไปอีก เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงได้คะแนน EPI สูงถึง 90.43
Photo Credit: tripsavvy
Denmark
เดนมาร์ก ประเทศที่ได้คะแนน EPI อยู่ที่ 89.21 เป็นอีกประเทศนึงที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน และส่งเสริมให้พลเมืองช่วยกันรักษ์โลก อย่างที่เมืองโคเปนฮาเกนจะมีถนนที่ชื่อว่าสตรอยก์ (Stroget) ที่ถูกประกาศให้เป็นเขตปลอดรถยนต์ตั้งแต่ปี 1962 ที่ถึงแม้ในตอนแรกเจ้าของกิจการต่างๆ จะไม่เห็นด้วยเพราะกลัวว่าจะเป็นผลเสียต่อธุรกิจ แต่ทุกวันนี้ถนนเส้นนั้นก็ได้กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกนและเป็นถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในโลกเลยล่ะ และคนที่นี่ก็ใช้จักรยานไปไหนมาไหนมากกว่าครึ่ง เพราะทางรัฐบาลเองก็ส่งเสริมเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง และช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม โดยได้ออกแบบผังเมืองเพื่อรองรับนักปั่นและคนเดินเท้า เพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด
Photo Credit: Barcelonasecreta.com
Spain
ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวสเปน คงต้องเคยตกหลุมรักกับความงดงามของสภาพบ้านเมือง สภาปัตยกรรมต่างๆ และวิถีชีวิตของคนที่นั่นอย่างแน่นอน เชื่อมั๊ยว่าในสมัยก่อนประเทศสเปนเคยต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะอย่างหนัก จนรัฐบาลได้เข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการออกนโยบายต่างๆ การใช้พลังงานที่สะอาด หรือเรื่องของสุขอนามัยของน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภค ทำให้ในทุกวันนี้มลภาวะต่างๆ ลดน้อยลงมาก จนประเทศสเปนสามารถติดลิสต์ประเทศที่คลีนที่สุดในโลกกับเขาได้เลยทีเดียว ซึ่งคะแนน EPI ที่สเปนได้ก็คือ 88.91 นั่นเอง
Photo Credit: hortensetravel.com
Portugal
โปรตุเกสเป็นประเทศที่อยู่ติดกับประเทศสเปน ซึ่งเรื่องของอากาศที่มีคุณภาพก็ดีงามไม่ต่างกัน ที่นี่มีการใช้พลังงานทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรตุเกสเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีการนำพลังงานลมมาใช้ด้วย ทำให้ใครที่อยู่ประเทศนี้ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้าดับเลยล่ะ คะแนน EPI ของประเทศโปรตุเกสนั้นอยู่ที่ 88.63
Photo Credit: www.un-igrac.org
Slovenia
สโลวาเนียเป็นประเทศที่มีภูเขาสวยๆ อยู่เต็มไปหมด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงอากาศดีจนติดอันดับด้วยคะแนน 88.98 แต่ก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะในตัวเมืองเองก็ถูกจัดระเบียบอย่างสะอาดและเรียบร้อย ย้อนไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว มีองค์กรสิ่งแวดล้อมของสโลวาเนีย ที่ชื่อว่า Ecologist Without Borders ได้ตั้งโปรเจ็คท์ขึ้นมาเพื่อต้องการนำขยะกว่าหมื่นตันจากพื้นที่ผิดกฎหมายออกจากพื้นที่ ซึ่งหลังจากได้ประกาศโปรเจ็คท์นี้ออกไปก็มีอาสาสมัครกว่า 200,000 คนเข้ามาร่วมกับกำจัดขยะกว่า 12,000 ตัน และหลังจากนั้น 2 ปี พวกเขาก็ได้ทำโปรเจ็คท์ในลักษณะนี้อีกครั้ง ซึ่งก็ยังคงได้ผลตอบรับที่ดีเหมือนเดิม
Photo Credit: investinestonia.com
Estonia
แม้เอสโตเนียจะเป็นประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีประชากรน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศยุโรป ด้วยจำนวนประชากร 1.3 ล้านคน แต่ก็เป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีระบบการดูแลสุขภาพและการศึกษาที่ดีมาก และถึงแม้ว่าเอสโตเนียจะมีหินน้ำมันจำนวนมากซึ่งเป็นแหล่งของมลภาวะ แต่เอสโตเนียก็ยังติดลิสต์ของประเทศที่มีมลพิษน้อยที่สุดในโลกได้ด้วยคะแนน EPI 88.59 ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าการรักษาความสะอาดของบ้านเมืองเขาดี สถานที่ส่วนใหญ่นี่แทบไม่มีขยะเลย และการที่มีจำนวนประชากรน้อยก็อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้การควบคุมความสะอาดนี้ทำได้ง่ายขึ้น
Photo Credit: investinestonia.com
Malta
มัลต้าเป็นเมืองที่เล็กที่สุดในโลก และมีจำนวนประชากรหนาแน่นน้อยที่สุดในโลกเหมือนกัน มีประมาณแค่ 450,000 คนเท่านั้นเอง มัลต้าเรียกว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับในยุโรปเลยทีเดียวด้วยความสวยงามของชายหาด ทางรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญและพยายามดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ประเทศน่าอยู่ และใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนจะรู้เลยว่าอากาศที่นี่เค้าบริสุทธิ์จริงๆ มัลต้าได้คะแนน EPI อยู่ที่ 88.48 คะแนน
เป็นยังไงกันบ้าง เลือกได้หรือยังว่าปลายปีนี้จะไปฟอกปอดกันที่ไหนดี แต่ไปเที่ยวที่อื่นแล้วก็อย่าลืมหันกลับมาใส่ใจกับประเทศเรากันด้วยละ ช่วยกันคนละไม้คนละมื้อ แค่นี้ประเทศก็อาจจะน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลยก็ได้นะ