8 Tips ลดหน้ามัน ลาหน้าเมือก ให้พร้อมสวยสู้ซัมเมอร์
เมษามาแล้ว รับรองหน้าเมือก หน้ามันต้องตามเล่นงานแน่นอน จะใช้สกินแคร์ เครื่องสำอางทั่วไปก็หวั่นใจว่าจะคุมไม่อยู่ วันนี้ HA เลยจะมาแชร์เทคนิคดูแลผิวหน้าจากภายในสู่ภายนอกให้สวยปัง รับซัมเมอร์กันไปเลย1. ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารลดความมัน
สกินแคร์ทุกชนิดบนโลกไม่ได้ถูกออกแบบมาให้แก้สภาพผิวได้ทุกรูปแบบ จึงมีการผสมสารชนิดต่างๆ ที่ให้เหมาะกับสภาพผิวและสภาพแวดล้อมแต่ละคน ซึ่งก็ไม่พ้นส่วนผสมที่ช่วยลดความมันได้ ได้แก่ส่วนผสมเหล่านี้
- micellar water เพราะตัวน้ำไมเซล่า คือโมเลกุลที่ยึดทั้งน้ำและน้ำมันเรียงตัวกันเป็นโครงสร้างเดียวกัน จึงสามารถดูดคราบน้ำมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกออกจากผิวหน้าได้ดี แต่ไม่ดึงความชุ่มชื้นออกจากผิว อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับน้ำยาล้างเครื่องสำอางชนิดอื่น จึงสามารถรักษาสมดุลและสร้างเกราะปกป้องผิวได้ ใช้แล้วหน้าฉ่ำ ไม่แห้งตึง
- Hyaluronic acid หรือ กรดไฮยาลูริก เป็นสารธรรมชาติที่พบได้ทั่วไป มีขนาดของโมเลกุลเบากว่าน้ำถึง 1,000 เท่า ช่วยกักเก็บความชื้นไว้บนผิวหน้า นำพาความชื้นเข้าสู่ผิวได้ลึกขึ้นโดยที่ไม่ทำให้ผิวอิ่มน้ำจนเกินไป และช่วยปลอบประโลมผิวที่เสียหายจากมลภาวะ เช่น ควันบุหรี่ การทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ส่งผลเสียต่อร่างกายได้
- Retinol หรือกรดวิตามิน เอ นับว่าเป็นสารที่มีชื่อเสียงเรียงนามมายาวนานในเรื่องการช่วยลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และช่วยลดปัญหาผิวมัน ลดการผลิตน้ำมัน จึงทำให้ลดโอกาสเป็นสิวอุดตันได้ *สารตัวนี้มีความสามารถในการดันสิวด้วย ดังนั้นผู้ที่เริ่มใช้ครั้งแรกควรทาแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้งพอ
- Niacinamide ถูกจัดอยู่ในกลุ่มวิตามิน บี 3 พบได้ตามอาหารจากธรรมชาติ ร่างกายสร้างเองได้ แต่ค่อนข้างน้อย มีความอ่อนโยนสูง ไม่ระคายเคืองผิว มักถูกใช้เพื่อคุมความมัน ลดรอยสิว และลดริ้วรอย
- Zinc gluconate หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า เกลือสังกะสี ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการผลิตน้ำมันได้
2. อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป
ล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยลดสิ่งสกปรก ลดการเกิดสิวได้ แต่ยิ่งล้างหน้าบ่อยเกินไปจะยิ่งทำลายชั้นปกป้องผิว ที่ช่วยป้องกันสิ่งสกปรก และทำให้ผิวหน้าเราอิ่มน้ำตลอดเวลา ถ้าเราล้างหน้าเยอะๆ จะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินจำเป็นจนหน้าเมือกนั่นเอง
3. ขัดผิวบ้าง แต่อย่าแรง
ขัดผิว 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ ช่วยขัดลอกเซลล์ที่ตายแล้ว ที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขน ลดโอกาสการเกิดสิว
โดยเลือกใช้แปรงขัดผิว ถุงมือขัดผิว ฟองน้ำนุ่มๆ หินภูเขาไฟ หรือผ้าเช็ดตัวในการขัดผิว ส่วนครีมขัดผิวที่ใช้ แนะนำครีมที่มีส่วนมีส่วนผสมของกรดผลไม้ AHA, BHA, PHA ความเข้มข้นไม่เกิน 3-5% ขัดเบาๆ เป็นวงกลม 30-60 วินาที เว้นบริเวณรอบดวงตา สัปดาห์ละ 2 วัน หรือวันเว้นวัน วันละครั้ง เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง
4. ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบา
พยายามเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรเบา ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตัน และแนะนำให้ใช้เป็น gel-based หรือ water-based เพื่อให้หน้าเราชุ่มชื้น ไม่แห้ง ป้องกันไม่ให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินไป
5. ห้ามลืมครีมกันแดด
อย่าคิดว่าไม่จำเป็น ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดูแลผิว เลือกครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ใช่ครีมที่มีสารประกอบเยอะเกินจำเป็น ไม่มีน้ำหอมได้ยิ่งดี และเลือกครีมที่เป็น gel-based
ครีมกันแดดที่ดีควรมีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีสัญลักษณ์ PA+++ หรือ PA++++ ที่เป็นค่าป้องกันรังสี UVA ลดการเกิดฝ้า กระ (ยิ่งบวกเยอะ ยิ่งดี) ซึ่งตามห้างเราก็มักจะเห็น SPF50+ PA++++ วางขายกันเพียบ นับว่าดีสำหรับอากาศบ้านเรา
6. กระดาษซับหน้ามัน พกไว้อย่าให้ห่าง
กระดาษซับหน้ามันจะดูดความมันบางส่วนออกจากใบหน้าได้ชั่วคราว จึงต้องใช้ร่วมกับวิธีลดความมันวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย
การใช้กระดาษซับมันให้แปะลงบนผิวเบาๆ ทิ้งไว้สักพักให้กระดาษดูดความมันขึ้นมา แปะแค่ครั้ง สองครั้งต่อวันพอ ห้ามถูไปมาเพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและรูขุมขนอุดตันมากกว่าปกติ และไม่ควรใช้กระดาษซับมันบ่อยเกินไป จะยิ่งทำให้ผิวแห้งและผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินเช่นกัน
7. มาส์กโคลนช่วยได้
มาส์กโคลนจะช่วยดูดน้ำมันส่วนเกิน ผิวหนังที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และสิ่งเจือปนต่างๆ ออกจากรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนกระชับ นอกจากนี้การนำน้ำมันส่วนเกินออกยังช่วยลดความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ลดโอกาสการเกิดสิวซีสต์ แนะนำให้ทามาส์กโคลนแค่ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ก็พอ
8. กินให้ถูก ดื่มน้ำให้เยอะ
อันนี้สำคัญ ผิวเราจะสะอาดใสได้ด้วยการดื่มน้ำให้พอ และกินอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม สมองจะส่งสัญญาณไปที่ผิวให้ลดการผลิตน้ำมันลง น้ำมันที่หลั่งออกมาก็น้อยลงด้วย เพราะคนที่น้ำในตัวน้อย ร่างกายจะผลิตน้ำมันเยอะขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นในร่างกายที่เหลืออยู่หายไป
ส่วนการกินที่ทำให้ผิวแข็งแรง ง่ายๆ ก็ให้เลี่ยงอาหารที่มีน้ำมันหรือไขมันเยอะ ยิ่งพวก junk food ยิ่งควรเลี่ยง และอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล เครืองเทศสูง เปลี่ยนไปทานผัก ผลไม้สด ถั่ว หรืออาหารจำพวกโฮลเกรนที่อุดมไปด้วยวิตามิน เอ เช่น แครอท ผักโขม ฟักทอง บร็อคโคลี่ มะเขือเทศ มะม่วง จะช่วยให้การผลิตน้ำมันบนใบหน้าช้าลง
ทานอาหารที่จัดเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพราะใช้เวลาในการย่อยนาน ทำให้น้ำตาลถูกปล่อยออกมาสม่ำเสมอ ไม่พุ่งพรวดในคราวเดียว จึงไม่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมา ตัวอย่างอาหารที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่างเช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ธัญพืชเต็มเมล็ด ผัก ผลไม้ไม่แปรรูป
หรือถ้าอยากจะจัดเซตสูตรอาหารลดความมันบนใบหน้าได้ ก็มีเหมือนกัน นั่นคือกินแบบ low glycemic คือเน้นทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ลดการกินน้ำตาล นอกจากจะลดการเกินความมันบนใบหน้าแล้ว ยังช่วยลดโอกาสการเป็นโรคเบาหวานได้ด้วย
ทั้งหมดนี้คือ 8 ทิปส์ง่ายๆ ที่สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้า ปรับสมดุลผิวหน้า และช่วยให้ผิวหน้าของคุณมีสุขภาพดี สดใส ไม่ดูเมือก หมอง โดยไม่ต้องพึ่งสกินแคร์ราคาแพงหรือเข้าคอร์สทรีตเมนต์ เพียงลองปรับใช้สกินแคร์ให้ถูกจุด เปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวหน้า และกินอาหารที่มีประโยชน์ เพียงเท่านี้ ผิวหน้าของคุณก็จะกลับมาดูดี หน้าไม่มัน ไม่เมือกแน่นอน