7 ภัยเงียบจากพฤติกรรมผิดๆ ที่เรา (อาจ) ทำกันอยู่ทุกวัน

เมื่อพูดถึงพฤติกรรมแย่ๆ หลายคนอาจนึกถึงการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่กินอาหารเช้า ชอบจั้งก์ฟู้ด หรือเข้านอนไม่เป็นเวลา

นั่นมันเรื่องทั่วไป ใครๆก็รู้ ถูกมั้ย? วันนี้เราจะพูดถึงพฤติกรรมที่เราอาจทำอยู่ทุกวันโดยไม่คาดคิดหรือตะหงิดใจมาก่อนว่ามันไม่ดีต่อตัวเองเอาซะเลย... ดูกันหน่อยซิ ว่ามีอะไรบ้าง

Photo by The Creative Exchange on Unsplash
• กินสมูธตี้เป็นมื้อเช้า
การกินผลไม้ เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่การกินสมูธตี้ผลไม้เป็นมื้อเช้า ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก!!! เพราะในสมูธตี้ 1 แก้ว นอกจากผลไม้นานาชนิดที่เราชอบแล้ว ยังมีนม บางคนอาจเติมไซรัปหรือน้ำผึ้งเพื่อปรุงรส นั่นทำให้ปริมาณน้ำตาลของสมูธตี้เพียง 1 แก้วสูงปรี๊ด เมื่อกินเข้าไปแล้วระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น ระดับอินซูลินสูงขึ้น ผลที่ตามมาคือน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมา... ลองเปลี่ยนเป็นแซนวิชง่ายๆ กับกล้วยหอมสักผล ก็เปลี่ยนมื้อเช้าให้เฮลธ์ตี้ขึ้นได้นะ

• ใส่รองเท้าคู่เดิมทุกวัน
รองเท้าส้นสูงอาจช่วยให้คุณดูสวยสง่า น่ามองมากขึ้น แต่การใส่นานเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะหลังส่วนล่างจะยื่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ ทำให้แนวกระดูกสันหลังและสะโพกผิดตำแหน่ง ทั้งยังเกิดแรงกดที่หัวเข่ามากกว่าปกติ และการกระจายน้ำหนักที่ฝ่าเท้าต้องแบกรับ ไม่สม่ำเสมอเอาซะเลย
แต่การใส่รองเท้าส้นแบนทุกวันก็ส่งผลร้ายต่อสุขภาพเหมือนกัน เพราะพื้นรองเท้าที่แบนจะทำให้รูปเท้าของเราค่อยๆ แบนมากขึ้น และหากพื้นรองเท้าซัพพอร์ทเท้าได้ไม่ดีพอล่ะก็ อาจเกิดปัญหากับข้อเท้าได้อีกต่างหาก... ทางแก้ง่ายๆ คือใส่สลับกัน แล้วคุณจะรู้สึกว่าอาการปวดข้อเท้า ปวดเข่าที่เคยมี หายไป

• กินยาแก้ปวดบ่อยเกิน
หลายคนน่าจะเคยชินกับการกินพาราเซตามอลทุกครั้งที่รู้สึกปวดหัวตัวร้อน แต่รู้มั้ยว่าการกินบ่อยเกินไปหรือใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย ทั้งปัญหาเรื่องความจำ อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ รวมทั้งมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ช้ากว่าที่ควรเป็น นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการที่เรียกว่าเมายาแก้ปวด รวมถึงเกิดแผลและเลือดออกภายในได้อีกด้วย... ทางแก้ง่ายๆ คือเลิกคิดว่ายาแก้ปวดคือทางออก ควรกินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
 
• ภาษากายเชิงลบ
แม้จะมีคำพูดที่ว่า “อย่าตัดสินคนจากภายนอก” แต่ในความเป็นจริงแล้วเราถูกตัดสินและประเมินค่าอยู่ตลอดเวลา โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าส่วนใหญ่ของการสื่อสารของมนุษย์เราไม่ใช่ภาษาพูด แต่เป็น "ภาษากาย"... ลองสังเกตตัวเองหน่อยมั้ยว่ามีภาษากายเชิงลบ เช่น ทำหลังค่อม ท่าทางขาดความมั่นใจ หรือสายตาเกรี้ยวกราดอยู่หรือเปล่า เพราะพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดการตีความแบบผิดๆ ได้ ถ้าพบว่ามีก็ต้องปรับปรุงและพัฒนาตัวเองแล้วล่ะ
 
• ทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน
แม้จะมีการศึกษาพบว่าผูหญิงเป็นเพศที่สามารถทำงานหลายอย่างหรือ Multitasking ได้ดีกว่าผู้ชาย แต่มีการวิจัยยืนยันแล้วว่ามีเพียง 2% เท่านั้นที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ!!! ฉะนั้น อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้พร้อมกันและอยู่ในกลุ่ม 2% ที่ว่า ทางที่ดีคือจัดลำดับความสำคัญของงาน ค่อยๆ ทำทีละอย่างอย่างมีสมาธิ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองสามารถทำงานนั้นๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

• คิดมากเกินไปในเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
หากเป็นเรื่องที่คุณสามารถจัดการได้ เราก็ขอให้คุณคิดหาทางออกได้เร็วๆ แต่ถ้าคุณกำลังคิดมาในการกระทำของคนอื่น ก็โปรดจงจำขึ้นใจว่า “เราไม่มีทางเปลี่ยนคนอื่นได้” ถ้าคุณยังเครียดอยู่ สิ่งที่จะเปลี่ยนไม่ใช่ตัวคนอื่น แต่เป็นความเป็นความสุขของคุณต่างหาก ที่กำลังจะหายไป... ทางที่ดี เอาเวลาที่เครียดและคิดมากมาพัฒนาตัวเองดีกว่า เพราะไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่ตัวคุณเอง ก็คงไม่อยากเห็นคุณไม่มีความสุขหรอก จริงมั้ย
 
• ใส่เสื้อผ้านอน
เราไม่ได้ทะลึ่งนะ และข้อนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่หลายคนคุ้นเคยเท่าไหร่ แต่มีการวิจัยพบว่าการใส่เสื้อผ้านอนไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าชุดนอนที่คับหรือรัดรูปเกินไปจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี บางชุดอาจมีเนื้อผ้าที่ใส่แล้วไม่สบายตัว รวมถึงทำให้ร้อนเกินไปซึ่งจะทำให้คุณตื่นขึ้นมากลางดึกได้ และแม้ว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมากลางดึก แต่คุณภาพการนอนของคุณได้แย่ลงแล้ว... หากใครไม่กล้าพอที่จะนอนแบบเปลือยๆ ก็ลองหาชุดนอนที่เนื้อผ้าใส่สบาย และหลวมๆ หน่อย จะทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น ตื่นเช้ามาพร้อมแจกความสดใสให้คนรอบข้าง

เป็นยังไงกันบ้าง อย่าบอกนะว่าคุณเองก็ทำทุกข้อเลย แต่เราอยากบอกว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนะ ขอเพียงคุณเริ่มต้น สิ่งดีๆ จะตามมาเองแหละ



 
-->