เปิด 5 ทฤษฎี ที่บอกว่า ‘คิดดี’ แล้วจะได้ดี
เปิดปีมา ถ้าใครที่อยากเจอแต่สิ่งดีๆ เราต้องเริ่มจากคิดดีก่อน แต่ควรจะคิดยังไง วันนี้เรามีหลักการดีๆ มาฝาก กับ 5 ทฤษฎีที่บอกว่า ‘คิดดี’ แล้วจะได้ดี ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันที่ทฤษฎีแรกกันเลย#1 Positive Psychology
การคิดบวก หรือการคิดในแง่ดี (Positive Thinking) จะช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดพฤติกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จและลดผลกระทบจากความเครียด นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่าคนที่มีความคิดในเชิงบวกนั้นจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์ ซึ่งก็สอดคล้องกับทฤษฎี Broaden and Build Theory ที่บอกว่าการคิดบวกจะช่วยเพิ่ม creativity ความยืดหยุ่น และทรัพยากรทางจิตวิทยาในการเผชิญปัญหาต่างๆ ในชีวิตได้อย่างดี
#2 Law of Attraction
หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกับคำนี้กันเป็นอย่างดี Law of Attraction หรือกฎแห่งการดึงดูด นั้นมีหลักการอยู่ว่า สิ่งที่เราคิดบ่อยๆ จะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริง เพราะความคิดจะกระตุ้นให้เกิดการกระทำและดึงดูดสิ่งที่คล้ายกัน หรืออาจจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ ความคิดของเราเป็นเหมือนพลังงานรูปแบบหนึ่ง ถ้าเราคิดในแง่ดี และโฟกัสไปที่เป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการ เราก็จะสร้างพลังงานที่ดึงดูดสิ่งที่คล้ายกันเข้ามาในชีวิต เมื่อเราคิดบวกเกี่ยวกับความสำเร็จ เราจะมีพฤติกรรมและทัศนคติที่ทำให้เกิดความสำเร็จ
#3 Growth Mindset
จริงๆ แล้วนี่เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันค่อนช้างบ่อย ในการพัฒนาบุคคล เพื่อให้ไปสู่ความสำเร็จที่วางไว้ หลักการของ Growth Mindset หรือ แนวคิดแบบพัฒนาได้ คือความเชื่อว่าความสามารถและทักษะของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านความพยายามและการเรียนรู้ เช่น การมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสจะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นและอดทน หรือการที่เรามองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ก็จะทำให้เราพยายามมากขึ้นและมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นด้วยเช่นกัน
#4 Neuroplasticity
หรือทฤษฎีการปรับเปลี่ยนของสมอง มีหลักการว่าสมองสามารถเปลีี่ยนแปลงได้ตามความคิดและประสบการณ์ เพราะฉะนั้น การคิดบวกก็สามารถสร้างเส้นทางสมองใหม่ที่ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกได้เช่นกัน เมื่อเราคิดบวกบ่อยๆ สมองจะปรับโครงสร้างการเชื่อมต่อเส้นประสาทให้รองรับพฤติกรรมและการตัดสินใจที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เรามองโลกในแง่ดี และมีพฤติกรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จได้ นอกจากนี้การคิดบวกยังช่วยลดการทำงานของสมองส่วน Amygdala ที่เกี่ยวกับความกลัวและความเครียด ทำให้เรามีมุมมองที่สงบและมั่นใจมากขึ้น
#5 Emotional Intelligence
สุดท้ายเราจะมาพูดถึงเรื่องที่ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ การพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EI) การรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง สามารถจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ เปลี่ยนอารมณ์เชิงลบ เช่น ความเครียดหรือความโกรธ เป็นมุมมองที่สร้างสรรค์ นอกจากนี้ความฉลาดทางอารมณ์ยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพด้วย คนที่มี EI สูงจะสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี และมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในเป้าหมายระยะยาวได้
จะเห็นว่าทฤษฎี ‘คิดดี’ แล้วได้ดี นั้นจริงๆ แล้วก็มาจากหลักการทางจิตวิทยาที่เชื่อว่าการคิดบวกจะส่งผลต่อการกระทำ พฤติกรรม และความสำเร็จของเราได้นั่นเอง