5 เรื่องของน้ำตา ห้ะ!! เพิ่งรู้
ใครๆ ก็ต้องเคยมีน้ำตา ไม่ว่าจะตอนเคืองตาหรือตอนดราม่าดูซีรี่ส์เกาฯ บางคนใช้น้ำตาฟุ่มเฟือย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ บางคนก็แข็งแกร่งไม่ยอมเสียน้ำตาง่ายๆ
จะว่าไปแล้ว... เรื่องที่ทำให้มีน้ำตาก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นซีนอารมณ์เสมอไป ยังมีเรื่องที่ทำให้เรามีน้ำตาแบบ "ร้องห้ะ!!" ไม่ "ร้องไห้" อีกหลายอย่าง โดยเฉพาะกับ 5 เรื่องต่อไปนี้...
1.ห้ะ! เด็กเกิดใหม่ไม่มีน้ำตา
การที่เราเห็นเด็กทารกร้องไห้ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามีแค่เสียงร้องและอาการเท่านั้น ส่วนน้ำตาที่อาจจะมีน้อยนิดนั้น มันเป็นแค่น้ำตาที่มีหน้าที่หล่อลื่นและป้องกันอันตรายจากฝุ่นผง ซึ่งไม่ได้เป็นน้ำตาที่เกิดจากร้องไห้เสียใจแบบผู้ใหญ่ น้ำตาของทารกจะเริ่มมีเมื่ออายุ 4-13 สัปดาห์ และพออายุ 4-5 เดือน ต่อมน้ำตาจะเริ่มผลิตน้ำตามากขึ้น เมื่อนั้นเวลาร้องไห้จึงมีน้ำตาแบบผู้ใหญ่
2.ห้ะ! มีน้ำตา 55-110 ลิตรต่อปีเลยเหรอ
ไม่น่าเชื่อว่านี่คือจำนวนน้ำตาที่่ร่างกายของเราผลิตออกมา แม้เราจะไม่ได้ร้องไห้เลยก็ตาม แสดงว่าในแต่ละสัปดาห์ ดวงตาของเรานั้นผลิตน้ำตาออกมาเป็นลิตรๆ เลยนะนี่
3.ห้ะ! น้ำตามีตั้ง 3 ประเภท
มันคือการแบ่งในทางวิทยาศาสตร์ คือ 1.น้ำหล่อเลี้ยงตา เป็นน้ำที่อยู่ในดวงตาตลอดเวลา 2.น้ำตาจากสิ่งเร้าภายนอกซึ่งจะถูกสร้างขึ้นก็ต่อเมื่อดวงตาต้องการขจัดสารระคายเคือง และสุดท้าย น้ำตาอารมณ์ คือน้ำตาที่ตอบสนองต่ออารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ส่วนว่าใครจะมีน้ำตาประเภทไหนมากน้อยกว่ากัน ก็คงขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของคนๆ นั้นซะมากกว่า
4.ห้ะ! น้ำตามีหลายรส
การที่น้ำตาที่มีรสเค็มหรือกร่อยนั้น เพราะน้ำตามีโครงสร้างคล้ายกับน้ำลาย และมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เอนไซม์ ไขมัน รวมถึงสารเกลือแร่อย่างอิเล็กโทรไลต์ และสารอื่นๆ ที่เกี่ยวกับฮอร์โมนอีกหลายชนิด ว่ากันว่า น้ำตาหรือการร้องไห้ในอารมณ์ต่างๆ รสชาติของน้ำตาก็จะต่างกัน
5.ห้ะ! น้ำตาจะหมดเมื่อเข้าวัยชรา
ไม่ใช่ว่ายิ่งแก่ยิ่งแข็งแกร่ง แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตน้ำตาสำหรับหล่อเลี้ยงดวงตาน้อยลงจนทำให้เกิดอาการตาแห้ง การหมั่นกระพริบตาหรือรักษาสุขภาพดวงตาให้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาจึงสำคัญ หากใครมีปัญหาตาแห้งก็ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อจะได้พิจารณาว่าถึงเวลาที่ต้องหยอดน้ำตาเทียมหรือยัง