5 นิสัยเดิมที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไปในปีนี้
เดือนใหม่ ปีใหม่ทั้งทีเราก็อยากเป็นคนใหม่บ้างอ่ะเนอะ แต่อะไรดีๆ ในปีนี้ที่เราทำอยู่แล้วทำให้ขีวิตตัวเองดีขึ้นก็ขอให้ทำต่อไป ไม่ต้องไปเปลี่ยนมันหรอก และนี่ก็คือ 5 นิสัย ปีที่แล้วทำแล้วดี ก็ทำต่อไปในปีนี้
1. การจัดการตารางชีวิต
การบริหารชีวิตดีก็ช่วยให้ชีวิตเดินตามแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นไปตามแบบแผนและบรรลุเป้าหมายส่วนตัวที่วางไว้ การบริหารจัดการตัวเองและเวลาที่ดีจะช่วยให้เราไม่ต้องวุ่นวาย เป็นบ้าเป็นหลังกับอะไรที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันระวังตัว และอาจจบลงด้วยการเป็นโรคเครียด หรือซึมเศร้าได้ เพราะการวางแผนชีวิตไม่มีใครมาทำให้คุณได้ นอกจากตัวคุณเองการบริหารจัดการชีวิตในปัจจุบันมีหนังสือและบทความออกมาแนะนำมากมาย แต่เราจะยกตัวอย่างแค่ 2-3 รูปแบบให้คุณได้เห็นแบบ ถ้าสนใจแบบไหนก็สามารถไปหาคำตอบเพิ่มเติมได้
- Time-blocking and batching
Time-blocking คือการจัดสรร แบ่งส่วนช่วงเวลาเพื่องานๆ หนึ่งโดยเฉพาะ แทนที่จะทำงานแบบสุ่มไปเรื่อย โดยแบ่งเวลาออกเป็นส่วนๆ ยิ่งเราทำงานแบบหลากหลายชิ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องซอยเวลาเพื่องานแต่ละชิ้นมากขึ้นเท่านั้น
ส่วน Batching คือการจัดกลุ่มงานที่คล้ายๆ กัน หรือเหมือนๆ กันเป็นก้อนเดียว และแบ่งเวลาส่วนหนึ่งให้กลุ่มงานนี้ทั้งก้อน ซึ่งมีข้อดีกว่าตรงที่ลดระยะเวลาไม่ต้องไปเริ่มงานแต่ละชิ้นใหม่หมด เกิดทำงานไหนเบื่อก็สามารถสลับมาทำงานอื่นที่ใกล้เคียงได้
- SMART Golas
ย่อมาจากคำว่า Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound ถ้าเป็นเรื่องของการตั้งเป้าหมายในชีวิต เทคนิคนี้ตอบโจทย์ เป็นการตั้งเกณฑ์ในการประเมินความสำเร็จในชีวิตว่าสิ่งที่เราฝันไว้เคลียแค่ไหน เป้าหมายชัดเจนมากไหม วัดประเมินผลได้ยังไง ตัวเราเองทำให้มันสำเร็จได้เองไหม หรืต้องมีคนช่วย มีอะไรบ้างที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเป้าหมายนี้ และต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสำเร็จ
- Eat that frog
ให้จัดว่า ‘กบ’ คืองานที่สำคัญและท้าทายมากที่สุด ให้ทำงานที่ยากที่สุดนั้นก่อน แลัวจึงค่อยขยับไปทำงานอื่น เมื่องานที่ยากที่สุดเสร็จหมดแล้ว หรือถ้ามีงานยาก 2 งานกองอยู่ตรงหน้า ให้ประเมินอย่างละเอียดว่าอันไหนยากที่สุด ก็ให้ทำชิ้นนั้นก่อน
2. การดูแลสุขภาพพื้นฐาน
การมีสุขภาพที่ดีคือยาวิเศษ นอกจากจะทำให้ชีวิตเราทำอะไรได้สะดวกเหมือนอายุ 20 แม้อายุจริงจะปาไปเกือบ 70 แล้ว ยังช่วยลดค่ารักษา ค่ายาที่เราต้องกิน จะได้เอาเงินเก็บไปเที่ยวในที่ที่อยากไป ซื้อของกินของใช้อะไรก็ได้ที่อยากซื้อ แถมทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้- ดื่มน้ำให้ครบ 2-3 ลิตร
- นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง
- ถ้าไม่มีเวลาเข้าฟิตเนส ลองออกกำลังกายแบบเข้มข้น 30 นาที หรือออกกำลังกายเบาๆ ซักชั่วโมงที่บ้านวันละครั้ง หรือวันเว้นวันก็ได้ งานวิจัยจาก Harvard พบว่าการเดินเล่นแค่ 25 นาที/วัน ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 30% และยังลดความเสี่ยงความดันสูง เบาหวาน คลอเรสเตอรอล และมะเร็งได้อีกด้วย
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ยิ่งอายุมาก ความเสื่อมของร่างกายก็ยิ่งมาก ยิ่งคนที่มีความเสี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพบ่อยๆ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งต้องไปตรวจ จะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และลดรายจ่ายราคาแพงในระยะโรคที่รุนแรงแล้ว
- ออกไปทำกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ตัวเองชอบ สารแห่งความสุข เช่น โดพามีน เซโรโทนิน ออกซิโทซิน และเอนดรอฟินมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญในการยืดอายุสุขภาพให้ยืนยาวขึ้น
- นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง
- ถ้าไม่มีเวลาเข้าฟิตเนส ลองออกกำลังกายแบบเข้มข้น 30 นาที หรือออกกำลังกายเบาๆ ซักชั่วโมงที่บ้านวันละครั้ง หรือวันเว้นวันก็ได้ งานวิจัยจาก Harvard พบว่าการเดินเล่นแค่ 25 นาที/วัน ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ 30% และยังลดความเสี่ยงความดันสูง เบาหวาน คลอเรสเตอรอล และมะเร็งได้อีกด้วย
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ยิ่งอายุมาก ความเสื่อมของร่างกายก็ยิ่งมาก ยิ่งคนที่มีความเสี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพบ่อยๆ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งต้องไปตรวจ จะได้ทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และลดรายจ่ายราคาแพงในระยะโรคที่รุนแรงแล้ว
- ออกไปทำกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ตัวเองชอบ สารแห่งความสุข เช่น โดพามีน เซโรโทนิน ออกซิโทซิน และเอนดรอฟินมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญในการยืดอายุสุขภาพให้ยืนยาวขึ้น
3. ฝึกการมองโลกในแง่บวก
การฝึกมองอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นแง่บวกช่วยให้ใช้ชีวิตได้สนุก และเรียบง่ายมากขึ้น เมื่อชีวิตเราโฟกัสแต่อะไรดีๆ ในชีวิต เราก็จะได้สิ่งดีๆ เหล่านั้นตอบแทนมาเช่นกันตามกฎแรงดึงดูด และยังสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น และรู้สึกพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่รอบตัว ซึ่งมีทิปส์เล็กๆ ง่ายๆ ดังนี้1. ทำ Canvas daily plan เขียนสิ่งที่เราทำสำเร็จในวันนี้ อะไรที่ทำแล้วเรารู้สึกขอบคุณ อะไรที่เป็นความภูมิใจของเราในวันนี้
2. เลือกคบคนที่เป็นพลังบวก เพราะตัวเราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราอยู่ด้วยบ่อยๆ ดังนั้นการเลือกคบคนจึงสำคัญ เลือกคบคนที่คิดบวกและมีความคิดก้าวหน้าทีจะช่วยให้ชีวิตเราไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
2. เลือกคบคนที่เป็นพลังบวก เพราะตัวเราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราอยู่ด้วยบ่อยๆ ดังนั้นการเลือกคบคนจึงสำคัญ เลือกคบคนที่คิดบวกและมีความคิดก้าวหน้าทีจะช่วยให้ชีวิตเราไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
4. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ใครว่าการเรียนรู้ต้องจบแค่ในห้องเรียน แม้ตัวเราจะแก่เกินวัยเรียนแล้ว เราก็ยังต้องหมั่นเรียนรู้และฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ตามให้มันโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกสมอง ป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น และกลายเป็นอัลไซเมอร์ มีหลายงานวิจัยที่ยืนยันเรื่องนี้โดยเฉพาะ อย่างงานวิจัยของ PubMed ระบุว่าคนที่เกษียณออกมาอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย จะเร่งให้หน่วยความจำด้านคำศัพท์และความสามารถนในการพูดลดลงเร็วขึ้น 38% เมื่อเทียบกับคนที่ยังไม่เกษียณ และอีกงานวิจัยนึงในสวีเดน ที่ติดตามคนทำงานกว่า 63,500 คน เป็นเวลา 24 ปี พบว่ามี 5,181 ที่เป็นโรคสมองเสื่อมหลังเกษียณ หรือคิดเป็นราวๆ 9.6% ก็ว่าได้ ซึ่งนับว่าเยอะเลยทีเดียว และยิ่งเกษียณช้าเท่าไหร่ โอกาสเป็นสมองเสื่อมก็ยิ่งช้าลงมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นต่อให้อายุมากแค่ไหนก็ตาม การเรียนรู้ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดหายไม่ได้5. สร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ รักษาความสัมพันธ์เดิมไว้
เราทุกคนล้วนแล้วแต่อยากเป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่ตัวเองอยู่ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือโรงเรียน ที่ช่วยให้เราลดทอนความเหงา ความโดดเดี่ยว ความเครียดจากความอ้างว้าง และช่วยให้การจัดการตัวเองและสิ่งรอบข้างดีขึ้นได้ งานวิจัยเมื่อเดือน มีนาคม 2024 ที่บอกว่า ความเหงาเป็นอันตรายต่อสุขภาพพฤติกรรมและชีวิตทางสังคมอย่างร้ายแรง เพราะความเหงาสามารถเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตได้ถึง 26% โดย 1 ใน 3 ของประเทศที่พัฒนาแล้วมีมากถึง 8% ที่กำลังเจอกับความเหงาอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุจากการเกษียณอายุและต่อไปนี้คือ 3 วิธีที่จะช่วยให้เรากลับมาเชื่อมต่อกับเพื่อนเก่า และหาเพื่อนใหม่ไปด้วยกันได้
1. การแบ่งปันเสียงหัวเราะ
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุแบบเดียวกันว่าการหัวเราะร่วมกับเพื่อน หรือแม้แต่กับคนแปลกหน้ามีส่วนเพิ่มความรู้สึกเชื่อมต่อกันได้ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เป็นมาช้านานตั้งแต่สมัยยังเป็นวานร การหยอดมุกนิดหน่อย หรือเล่าเรื่องขำๆ กับเพื่อนเก่า หรือคนที่เพิ่งเคยรู้จักช่วยให้ต่างฝ่ายต่างผ่อนคลายความเครียดได้ดี2. การแสดง และการตอบรับความรู้สึกขอบคุณ
การแสดงออก และการตอบรับความขอบคุณในทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวจุดชนวนให้ร่างกายหลั่งโดพามีนและเซโรโทนิน ทำให้เรารู้สึกพึงพอใจ ประทับใจ เสริมความรู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่ายได้ ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไงลองทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาก่อน เช่น ซื้อกาแฟมาฝาก ช่วยถือของ แค่นี้ก็สร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายได้แล้ว3. ค้นหาจุดร่วมที่มีเหมือนกัน
การหาจุดร่วม เช่น งานอดิเรก สาขาวิชาที่เรียน การงาน สถานที่ที่ชอบไป ค่านิยมที่คล้ายคลึงกันเปรียบเหมือนเชื้อไฟในการสานสัมพันธ์ที่ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดความเข้าใจและความใกล้ชิดกันมากขึ้นการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ และรักษาความสัมพันธ์เก่าไว้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราลองเริ่มจากสิ่งเล็กๆ อย่างการหัวเราะกับคนรอบข้าง หรือแสดงความขอบคุณด้วยการกระทำที่จริงใจ ก็สามารถทำให้เราเชื่อมต่อกับคนอื่นได้ดีขึ้น ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยลดความเหงาและเพิ่มความสุขในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองเอาไปทำตามดูนะ!
ที่มา
(1) https://www.health.harvard.edu/exercise-and-fitness/walking-for-health#:~:text=Walking%20for%202.5%20hours%20a,and%20keep%20you%20mentally%20sharp.(2) https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6153553/?utm_source=chatgpt.com#Sec15
(3) https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1002/gps.5363?utm_source=chatgpt.com
(4) https://www.researchgate.net/publication/378918644_The_health_consequences_of_loneliness
(5) https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC8362988/