'หยุดไป...พอเริ่มใหม่ก็นับหนึ่ง' Eye Kamolned x Health Addict
ถ้าพูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย หากย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้สักสามปี แน่นอนว่ากมลเนตรจะไม่มีทางเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ
กมลเนตร คือ เด็กหญิงที่ไม่ชอบวิชาพลศึกษา ไม่ชอบการออกกำลังกาย และไม่ชอบกีฬาทุกประเภท ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ชอบ เพราะไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
แต่แล้ววันหนึ่ง โลกก็หมุนการโยคะฟลาย (yoga fly) มาให้เราได้รู้จัก ได้พาตัวเองไปเรียนรู้และฝึกฝนการใช้ร่างกายในคลาสเรียนโยคะฟลาย จนมารู้ตัวอีกที ก็ค่อยๆ อินกับการออกกำลังกายมากขึ้นทีละน้อย จนได้รู้จักกับพิลาทีส (Pilates) และคืนสู่สามัญการจัดระบบต่างๆ ของร่างกายด้วยโยคะแมท (Yoga mat) พอหลังๆ มานี้ เราเริ่มสนใจการเวทเทรนนิ่ง และบอดี้เวท เพราะเรารู้สึกว่าตัวเราเล็กเกินไป เราต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ แต่ก็จะสลับกันไปมากับการโยคะ เพราะมันจำเป็นมากสำหรับการยืดเส้นและคลายกล้ามเนื้อ รวมถึงหันมาสนใจการกินมากขึ้น ทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกาย การออกกำลังกายและการกินใหม่ ว่าจริงๆ แล้ว ทุกอย่างมันคือสิ่งที่สัมพันธ์กันหมด
มานั่งนึกย้อนดู ว่าอะไรกันที่ทำให้เราเริ่มมาสนใจการออกกำลังกาย เอาตรงๆ ทุกวันนี้ก็ยังคงนึกไม่ค่อยออก มันอาจจะเริ่มมาจากการเปิดใจแหละ เราเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ยิ่งประโยคที่เค้าบอกว่า ถ้าได้ออกกำลังกายแล้วจะเสพติด เราก็อยากรู้ว่ามันจะเสพติดได้ยังไง ทำไมอยู่ดีไม่ว่าดี ต้องพาตัวเองไปเหนื่อยทำไมกัน ในเมื่ออยากรู้ ก็ต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง และก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อ...คือ...เสพติดตั้งแต่ครั้งแรก?
เปล่าเลยค่ะ ความเป็นจริงแล้วคือ เหนื่อยมาก สายตัวแทบขาด จำได้ว่าตอนที่เทรนกับเทรนเนอร์ครั้งแรกๆ นี่คืออยากจะนอนยาวๆ ไปเลยสักสามวัน มันปวดอะไรขนาดนั้นนะ แต่เทรนเนอร์บอกว่า ของแบบนี้ต้องมาซ้ำ เราก็ทำตามที่เค้าบอก เล่นไปเรื่อยๆ จนเราเองก็ได้ค้นพบว่าร่างกายสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด กล้ามเนื้อค่อยๆ ถูกพัฒนามากขึ้น ระบบหายใจก็ดีขึ้น ระบบเผาผลาญถูกวัดมาแล้วพบว่าดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันสัมพันธ์และแปรผันตรงกับการกิน นั่นคือเรากินได้มากขึ้น (สิ่งที่เทรนเนอร์พยายามลุ้นกับเรามากๆ ก็คือ มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น) เราก็มีหน้าที่ต้องเลือกว่าอะไรควรกิน อะไรควรงด แต่สำคัญที่สุด คือ “ไม่อด” เพราะการอด ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องของการมีสุขภาพที่ดี
“หยุดไป พอเริ่มใหม่ก็นับหนึ่ง”
นี่คือชื่ออัลบั้มหนึ่งในเฟซบุ๊คของเรา ที่สร้างขึ้นมาเพื่ออัพเดทเรื่องราวการออกกำลังกายของตัวเอง หลังจากที่อยากจะออกกำลังกายอย่างจริงจัง แล้วอยากประกาศให้โลกรู้ อย่างน้อยมันก็เหมือนเป็นการให้สัญญากับตัวเอง และยังให้เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊คร่วมเป็นสักขีพยานกับความตั้งใจในครั้งนี้ด้วย เพราะเราเคยมาแล้ว แบบที่ตั้งใจออกกำลังกายแบบเงียบๆ คนเดียว รู้เองคนเดียว อยากจะเล่นหรืออยากจะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ มันไม่มีใครรู้ นอกจากตัวเราเอง แต่การมีคนอื่นรับรู้เป้าหมายหรือความตั้งใจของเรา มันจะมีอะไรบางอย่างมาค้ำคอเราไว้ ในวันที่เราขี้เกียจ ไม่ให้เราล้มเลิกความตั้งใจนั้น
นอกจากเราจะได้ร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้ว ผลลัพธ์ที่เรามองว่ามันเป็นผลพลอยได้ที่ดีและสร้างความมั่นใจให้เรามากๆ คือ การมีหุ่นที่ดีขึ้นจากเมื่อก่อน เดิมที่เคยเป็นคนผอม แต่เป็นผอมแบบไร้คุณภาพ ซึ่งตอนนี้ เราก็โบกมือลาร่างนั้นไปแล้ว และพยายามรักษาวินัยและคงความต่อเนื่องของการออกกำลังกายและดูแลเรื่องการกินให้สม่ำเสมอเรื่อยๆ
หากเทียบกับกมลเนตรเมื่อสามปีก่อนหน้านั้น ประโยคที่ว่า “เสพติดการออกกำลังกาย” ก็ดูจะเหมาะกับกมลเนตรในปัจจุบันมากกว่า แต่ถึงจะเสพติดการออกกำลังกายแล้วก็ตาม แต่มันก็จะมีบางช่วงเวลาที่ความขี้เกียจมันทำงานบ้าง แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานนะ เจ้าความขี้เกียจเนี่ย เพราะมันมักจะแพ้ทางก้อนความคิดว่าที่ว่า “หยุดไป พอเริ่มใหม่ก็นับหนึ่ง” ทุกที
นักเขียน: อาย กมลเนตร เรืองศรี
Eye Kamolned X Health Addict